วันที่ 19 ก.ย. 67 มีรายงานว่า หลังจากสถานการณ์น้ำท่วมใน อ.เมืองเชียงราย ลดระดับลงใกล้สู่ภาวะปกติ เข้าสู่ช่วงฟื้นฟู มีรถตักดินขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก ทั้งจากหน่วยงานราชการ และจิตอาสาที่นำรถไถขนาดเล็กมาช่วยกันไถดินโคลนออกจากถนน ในพื้นที่ชุมชนที่ถูกน้ำท่วมหนัก 3 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านเกาะทราย บ้านไม้ลุงขน บ้านเหมืองแดง ต.แม่สาย ชาวบ้านตักโคลนทรายออกจากบ้าน และรถไถตักดิน ดันดินโคลนไปกองไว้ ทุกอย่างเป็นไปอย่างชุลมุนวุ่นวาย
บางถนนตรอกซอกซอย รถไถที่มาช่วยมีไม่เพียงพอ ชาวบ้านได้ร่วมลงขันว่าจ้างรถมาไถดันตักกันเอง ซึ่งมีราคาแพงกว่าปกติ ขณะเดียวกันชาวบ้านต้องรีบว่าจ้างคนงานมาขุดตักดินทรายภายในบ้านที่มีความสูงตั้งแต่ 1-3 เมตร ด้วยค่าแรงงานที่แพงขึ้นถึง 400-600 บาทต่อคน หรือจ้างเหมาทีมละ 5,000-10,000 บาท ต่อบ้าน 1 หลัง
ส่วนบ้านที่มีแต่ผู้หญิงและคนแก่ไม่มีเงินจ้างคนมาช่วยขุดทราย ได้เรียกร้องให้ทางราชการมาช่วยตักขุดออกไป ซึ่งเป็นไปได้ยาก เฉพาะบ้านเรือนใน 3 ชุมชนมีมากกว่า 1 พันครอบครัว จึงไม่สามารถจะช่วยได้หมดทุกหลังคาเรือน
นอกจากนั้น น้ำประปาแม่สายยังไม่สามารถจ่ายน้ำได้ เพราะเครื่องสูบน้ำเต็มไปด้วยดินโคลน ท่อส่งประปาแตกเป็นช่วง มีทหารและชาวบ้านมาช่วยกันขุดซ่อมแซมมาหลายวันภายหลังน้ำลด ก็ยังไม่เสร็จ
ในขณะเดียวกันชาวบ้านต้องประสบปัญหาอาหารการกินแพงขึ้นมาก ข้าวแกงขึ้นราคาไปถึงจานละ 80-100 บาท ไม้กวาดก้านมะพร้าวจากอันละ 45 บาท ราคาขึ้นไปถึง 180-200 บาท ค่าอุปกรณ์ทำความสะอาดแพงขึ้นทุกอย่างและขาดแคลน
ค่าจ้างแรงงานขึ้นไปถึงคนละ 500-800 บาทต่อวัน มีหลายบ้านเป็นผู้หญิงและเด็ก เปิดประตูหน้าออกมาไม่ได้ เพราะโคลนทรายสูงกว่า 2 เมตร ไม่มีเงินจ้างคนมาขุดดินออก และการไปรับอาหารที่ศูนย์พักพิงตามจุดก็ไปไม่ได้ ถนนยังมีแต่ดินโคลน และผู้ที่ไปรับอาหารกล่องก็มีชาวเมียนมาสวมรอยไปรับครั้งละ 10-20 กล่อง กว่าจะถึงคิวอาหารก็หมดก่อน.