‘บูม สุภาพร’ ย้อนเล่าความประทับใจ รู้สึกดีใจ-เป็นเกียรติมากได้เป็นส่วนหนึ่งของอังกอร์ ละครในตำนาน ‘ฉลอง ภักดีวิจิตร’ ท่านได้ให้ชีวิตใหม่
บูม สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง นักแสดงสาวที่เคยได้รับบทนางเอก ละครเรื่องอังกอร์ เวอร์ชั่นรีเมค โดย ‘แก้ว บุญจิรา’ ทายาทผู้กำกับชั้นครู ‘ฉลอง ภักดีวิจิตร’
บูม เดินทางมาร่วมแสดงความอาลัย ฟังสวดอภิธรรม และบำเพ็ญกุศล ‘ฉลอง ภักดีวิจิตร’ ที่ศาลา 10 วัดมกุฏกษัตริยาราม และได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจถึงการสูญเสียผู้ใหญ่ในวงการบันเทิงครั้งนี้
“บูมรู้สึกเป็นเกียรติมากๆ นะคะ ที่ได้เป็นหนึ่งในอังกอร์ ละครตำนานของอาหลอง และละครเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นละครที่ทำให้บูมเป็นบูมทุกวันนี้ก็ว่าได้ค่ะ อังกอร์เป็นเรื่องที่เรียกได้ว่าเป็นเรื่องแจ้งเกิดเลย ไม่ว่าจะด้วยบท ด้วยความเป็นตำนานของอาหลอง บูมว่าส่วนหนึ่งเลยก็คืออังกอร์ค่ะ ซึ่งบูมก็เคยดูเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ ณ ตอนนั้นก็เป็นเวอร์ชั่นที่เป็นตำนานจริงๆ เป็นละครที่เรตติ้งสูงมาก และเพลงก็ติดหู พอขึ้นมาปุ๊บทุกคนรู้จัก ก็รู้สึกโชคดีที่ครั้งนึงในชีวิตเราเคยได้รับบทเป็นอังกอร์ค่ะ
วันนั้นที่ได้รับบทนี้เหมือนเป็นช่วงที่เราห่างการติดต่อกันไปนานค่ะ หลังจากวันที่แคสติ้งจนไปถึงวันที่เราได้รู้ว่าได้เล่น ก็ถามตัวเองว่าจริงเหรอ ฉันจะได้เป็นนางเอกเหรอ ได้เป็นนางเอกช่อง 3 และเป็นละครรีเมค คือทางครอบครัวภักดีวิจิตรเป็นครอบครัวที่น่ารักมาก จะให้ความมั่นใจและให้กำลังใจบูมเสมอว่าบูมทำได้ เราเลยรู้สึกว่าโชคดีมากๆ ที่ได้มาร่วมงานกับครอบครัวนี้ค่ะ”
ความผูกพันกับ อาหลอง?
“ได้เจอคุณอาค่ะ ไม่ได้เจอแค่เรื่องอังกอร์นะคะ เรื่องอื่นๆ อาก็จะมีนั่งรถไปหาที่กองถ่าย หรือไม่ก็อยู่ในโลเกชั่นเดียวกัน อาก็กำกับเรื่องหนึ่ง แล้วพี่แก้ว พี่กู๊ดก็กำลังถ่ายอีกเรื่องหนึ่งใกล้ๆ กัน ซึ่งบูมได้เล่นของพี่แก้ว พี่กู๊ด 3 เรื่อง ก็จะเจออาตามกองถ่ายด้วย
เท่าที่บูมจำได้คือพระอาทิตย์ยังไม่ตกดินอาจะเลิกกองแล้วค่ะ แล้วก็เปิดกระป๋อง (ยิ้ม) ก็จะนั่งชิลๆ แล้วก็จะมีเต้นท์ของอาคลุมมืดไปหมด อยู่ด้วยกันสนุกค่ะ หรือถ้าคุณอาแวะไปหาที่กองก็จะเรียกบูมว่าอีหนูนี่ (ยิ้ม) อีหนูนี่มันคุยเก่งนะ วันหลังมาดื่มด้วยกัน ก็จะชอบนั่งคุยกับคุณอาค่ะ คุณอาน่ารักมาก แกจะเป็นคนโผงผาง เสียงดัง ชิลๆ นั่งสบายๆ ก็จะมาให้กำลังใจพี่กู๊ด พี่แก้วทุกๆ เรื่องที่พี่ๆ กำกับ
บางโลเกชั่นจะมีริมน้ำ อาก็จะไปนั่ง แล้วก็มีพี่เลขาคุณอาอยู่ด้วย หนูก็จะไปนั่งคุยกับคุณอา ก็เป็นความทรงจำที่ครั้งนึงในชีวิตเราได้มีโอกาสนั่งคุยกับคนที่เขามีประสบการณ์ชีวิต เป็นตำนาน เป็นครู เป็นศิลปิน คือสุดยอดแล้วค่ะ แล้วเราก็โชคดีที่ได้มาเป็นส่วนหนึ่งในตำนานของคุณอาด้วยค่ะ”
“แรกๆ ที่เจอกันตอนเล่นอังกอร์ แกก็จะบอกว่าผอมไป นางเอกของอาก็จะมีมาตรฐานของอาอยู่ แต่หลังๆ ก็จะเรียกอีหนูนี่มานั่งคุยกัน (ยิ้ม) บูมก็จะชอบนั่งคุยกับคุณอา สำหรับบูมมันไม่ใช่แค่รอยยิ้มและเสียงหัวเราะที่ได้จากคุณอา แต่ทุกคนที่ได้ดูละครของคุณอา ได้เติบโตมากับละครของคุณอา ทุกคนก็ได้รับรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และคุณอาก็ได้มอบความสุขช่วงเวลาหนึ่งในช่วงชีวิตของคุณอาให้กับทุกๆ คนมาอย่างยาวนานแล้วค่ะ บูมว่าคุณอาคือศิลปิน คือครู คืออาจารย์ บูมว่าในทุกๆ ด้านเลย แกเก่ง น่ารัก และคอยให้คำแนะนำหลายๆ อย่าง
แกเห็นบูมถือปืนต้องวิ่ง เป็นฉากที่บูมต้องวิ่งลงมาจากเขา แล้วแกขับรถผ่าน อาก็เปิดประตูรถแล้วก็บอกว่าเดี๋ยวเปิดป๋องกัน (หัวเราะ) แกเปิดรถตู้แล้วก็ให้กำลังใจบอกว่าสู้ๆ บูมว่าก็เป็นความทรงจำดีๆ ที่ครั้งนึงในชีวิตบูมได้มีโอกาสทำงานกับตำนานของประเทศไทยค่ะ (ยิ้ม)
จริงๆ มันมากกว่าคำว่าดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตำนานอังกอร์นะคะ บูมรู้สึกขอบคุณที่คุณอาได้ผลิตละครคุณภาพ ผลิตละครตำนาน และขอบคุณครอบครัวภักดีวิจิตรที่ทำให้บูมได้มาเป็นส่วนหนึ่งของละครที่คุณอาเคยได้ทำไว้ จนมาสู่รุ่นลูก”
“บูมว่ามันก็เป็นบุญของบูมแล้วที่ฉุดชีวิตบูมเหมือนกัน จากใครก็ไม่รู้ มาวันนึงได้มาเล่นอังกอร์จนมาเป็นเราทุกวันนี้ มันมากกว่าคำว่าขอบคุณ เหมือนเขาได้ให้ชีวิตใหม่กับเรา และเขาก็ให้โอกาสดีๆ กับเราเยอะ ได้ทั้งคำสอน วิชาความรู้ ชื่อเสียง และสิ่งต่างๆ เยอะแยะมากมาย บูมโชคดีมากๆ ค่ะ
จริงๆ แล้วบูมไม่ได้มีโอกาสร่วมงานกับคุณอาโดยตรงนะคะ แต่ได้เจอคุณอาอยู่บ่อยๆ ในละคร 3 เรื่องที่เล่นกับครอบครัวนี้ค่ะ ระยะเวลาก็น่าจะเกือบ 10 ปีอยู่นะคะ 3 เรื่องก็นานมาก เพราะแต่ละเรื่องก็ใช้เวลา 2 ปี ก็เหมือนเป็นหนึ่งในครอบครัว
ก็ได้ความอึดทึกทนมาเยอะมากๆ ค่ะ (ยิ้ม) เพราะแต่ละโลเกชั่นได้เปลี่ยนชีวิตบูมด้วย ได้ฝึกความอดทน การรอ มันเปลี่ยนเราจริงๆ นะ จากคนที่ไม่ค่อยออกกำลังกายเยอะ ก็ต้องมาออกกำลังกาย เพราะเดี๋ยวพูดบทไม่ไหว และเราเห็นการทำงานของเขา บูมไม่เคยเห็นการทำงานกองถ่ายแบบนี้ เรื่องแรกที่บูมได้มาสัมผัสก็จากครอบครัวภักดีวิจิตรนี่แหละค่ะ
ก็อยากจะขอบคุณคุณอาที่ได้ผลิตผลงานอังกอร์ออกมา และผลงานดีๆ อีกเยอะแยะมากมาย และขอบคุณครอบครัวภักดีวิจิตรค่ะ ที่ให้บูมได้มาเป็นส่วนหนึ่งของละครครอบครัวนี้ และทำให้บูมมีวันนี้ ก็ถือว่าเป็นเกียรติกับตัวบูมมากๆ และบูมเชื่อว่าหลายคนก็จะจดจำทุกๆ อย่างเกี่ยวกับคุณอาและครอบครัวของคุณอาที่ได้สร้างอะไรเยอะแยะมากมาย มันมากกว่าตำแหน่ง เพราะมันคือตำนาน และจะอยู่กับพวกเราตลอดไปค่ะ”
Beta feature
Beta feature