จำนวนผู้เสียชีวิตในเหตุน้ำท่วมและโคลนถล่มในเมียนมาเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 113 ศพแล้ว หลังเกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลที่หลงเหลือของไต้ฝุ่นยางิ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย. 2567 นาย ซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา ออกแถลงการณ์ระบุว่า ทางการยืนยันจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและโคลนถล่มในประเทศได้แล้ว 113 ศพ มีผู้สูญหายอีก 64 คน ขณะที่สำนักข่าว เอเอฟพี รายงานว่า มีประชาชนมากกว่า 320,000 คน ต้องอพยพไปอาศัยในที่พักชั่วคราว
ตามรายงานของสื่อในเมียนมา ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักกำลังส่งผลกระทบหลายพื้นที่ในภาคกลางของประเทศ รวมถึง รัฐกะยา, รัฐกะเหรี่ยง (กะยีน), ภาคมัณฑะเลย์, รัฐมอญ และรัฐฉาน มีบ้านเรือนถูกทำลายหรือได้รับความเสียหายเกือบ 66,000 หลัง เช่นเดียวกับโรงเรียนกับวัด 375 แห่ง ถนนยาวหลายกิโลเมตร และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ถูกน้ำท่วมทำลาย
สื่อบางสำนักรายงานจำนวนผู้เสียชีวิตจากเหตุน้ำท่วมและดินถล่มไว้มากกว่าตัวเลขที่เผยแพร่โดยรัฐบาลเมียนมา เช่น สถานีวิทยุ “Radio Free Asia” ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วถึง 160 ศพ ส่วนบัญชีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ ฝ่ายหนุนรัฐบาลทหารระบุว่า แค่ที่ภาคมัณฑะเลย์แห่งเดียวก็มีผู้เสียชีวิตถึง 230 ศพแล้ว
ขณะที่สำนักข่าว เอ็นเอชเค (NHK) ของญี่ปุ่น รายงานว่า มีผู้เสียชีวิตในเมียนมามากกว่า 120 ศพ นับจนถึงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมียนมากำลังอยู่ในภาวะสงครามกลางเมืองซึ่งดำเนินมานานกว่า 3 ปีแล้ว หลังจากกองทัพยึดอำนาจจากรัฐบาลของนางอองซาน ซูจี ในปี 2564 โดยการต่อสู้ระหว่างกองทัพรัฐบาลกับฝ่ายต่อต้านจนถึงตอนนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันศพ คนอีก 2.6 ล้านต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น
ท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าว เมียนมากลับถูกดีเปรสชันยางิเข้าเล่นงาน โดยยางิเคยเป็นซุปเปอร์ไต้ฝุ่นรุนแรงที่สุดที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชียในปีนี้ ซึ่งไล่พัดถล่มฟิลิปปินส์, เกาะไหหลำของจีน, เวียดนาม, ลาว จนทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 287 ศพ แม้ว่ามันจะอ่อนกำลังเป็นพายุดีเปรสชันหลังเขาสู่เวียดนามก็ตาม
พยากรณ์อากาศคาดว่า ยางิจะเคลื่อนตัวออกจากเมียนมาภายในไม่กี่วันข้างหน้า แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่คาดว่า พายุดีเปรสชันโซนร้อนอีกลูกจะก่อตัวในพื้นที่ทางตะวันตกของมหาสมุทรแปซิฟิกในสัปดาห์นี้