ทองไทยทำนิวไฮ ปรับวันเดียว 13 รอบ ทองแท่งพุ่ง 43,250 บาท รูปพรรณ 43,750 บาท

ทองไทยทำนิวไฮ ปรับวันเดียว 13 รอบ ทองแท่งพุ่ง 43,250 บาท รูปพรรณ 43,750 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงาน วันที่ 21 ตุลาคมว่า สมาคมค้าทองคำ ได้ประกาศปรับราคาทองคำแล้ว 13 ครั้ง เปิดตลาดเช้าปรับขึ้นทันที 200 บาท จากนั้นปรับขึ้นครั้งละ 50 บาท อีก 11 ครั้ง และปรับลด 50 บาท 1 ครั้ง ทำให้ราคาทองคำปรับรวมกันสูงขึ้นจากวันก่อนหน้า 700 บาท ทองแท่งรับซื้อ (บาท) 43,150 บาท ขายออก (บาท) 43,250 บาท ทองรูปพรรณ รับซื้อ (บาท) 42,372 บาท ขายออก (บาท) 43,750 บาท อิงราคาทองคำโลก 2,7337.42 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ อัตราแลกเปลี่ยน 33.43 บาทต่อเหรียญสหรัฐ

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำทำนิวไฮอีกครั้ง เป็นการทำนิวไฮต่อเนื่อง 3 วันทำการ ปัจจัยหลักเป็นปัจจัยภายนอกประเทศ โดยเฉพาะความวิตกต่อเหตุการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางมากขึ้น จับตาตัวเลขดัชนีทางเศรษฐกิจของหลายประเทศทยอยออกมาสัปดาห์นี้ ทิศทางดอกเบี้ยขาลง ภาวการณ์ค้า และเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว สกุลเงินต่างๆ ยังผันผวนสูง เป็นแรงกดดันของราคาทองคำทั่วโลก รวมถึง ไทยด้วย ยังดีเงินบาทยังแข็งค่า จึงไม่ดันให้ราคาทองคำในประเทศปรับพรวด

“ภาวะราคาทองคำยังผันผวนต่อเนื่อง ยังดูไม่ออกว่าจะขึ้นอีกเท่าไหร่ หรือทรงตัว หลายฝ่ายมองโอกาสจะเห็น 5 หมื่นบาท ต่อ 1 บาททองคำได้ แต่อาจไม่ใช่เร็วๆ นี้ เพราะราคาทองคำสูงต่อเนื่อง จะมีผลต่อการซื้อขายชะงักได้ในระยะสั้นๆ” นายจิตติ กล่าว

วันเดียวกัน นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2567 ได้เตรียมหารือกับนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ปลายเดือนตุลาคมนี้ เพื่อพิจารณางบประมาณใช้ในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ยืนยันว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ประโยชน์ทั้งระบบ 5 เฟสแรกที่ผ่านมา เราเที่ยวด้วยกันก่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท จากการใช้งบ 2.4 หมื่นล้านบาท

“รอบนี้คาดว่าจะดำเนินการในขนาดไม่แตกต่างจากเดิม จะนำข้อเสนอของภาคเอกชนสนับสนุนสัดส่วนระหว่างรัฐบาล 50% และประชาชน 50% หรือคนละครึ่ง จากเดิมรัฐบาลอุดหนุน 40% ประชาชนออกเอง 60% ประเมินว่าเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจะได้มากกว่าเฟสแรก บวก 5-10% เนื่องจากจะเปลี่ยนมาจองผ่านแพลตฟอร์มตัวแทนจองออนไลน์ (โอทีเอ) ของไทย เพื่อให้เม็ดเงินไม่ไหลออกไปสู่ต่างประเทศ” นายสรวงศ์ กล่าว

น.ส.ฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในปี 2573 จะใช้ซอฟต์พาวเวอร์เป็นเครื่องดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวไทย มีเป้าหมายดันดัชนีชี้วัดรายได้จากด้านการท่องเที่ยว และภาคบริการคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพี อยู่ที่ 30% ซอฟต์พาวเวอร์ในแต่ละด้าน ทำคนเดียวไม่ได้ ต้องร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ และเอกชน

นับเป็นเรื่องดีที่เราเห็นยุทธศาสตร์จากประธานซอฟต์พาวเวอร์ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ดำเนินงานตั้งแต่ปี 2566 รวมถึง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองประธานคณะที่ปรึกษาของนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์ เพื่อขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ในด้านท่องเที่ยวไทยต่อไป ยกตัวอย่างเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์

“เหมือนที่นายกฯ พูดชัดเจนว่า ซอฟต์พาวเวอร์เป็นเสน่ห์ไทย เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยมาก อยากให้เห็นภาพมุมกว้างว่าเสน่ห์ของซอฟต์พาวเวอร์ไทย ไม่ได้มีแค่เรื่องความสวยความงามเท่านั้น แต่ความมีเสน่ห์จะซึมลึกอยู่ในตัวเอง มีความเหนือจินตนาการ ทำให้เกิดความอยากค้นหา ททท.จึงวางยุทธศาสตร์ไม่ใช่เป็นเพียงการโปรยเสน่ห์เท่านั้น แต่ทำเสน่ห์ไทยให้กระจายตัวไปวงกว้างอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด” น.ส.ฐาปนีย์ กล่าว