สอบห้างทองแม่ตั๊ก สั่ง สคบ. ตรวจ เข้าข่ายต้มตุ๋น แห่ไปคืนแน่น

ไฟลามทุ่ง “จิราพร สินธุไพร” รมต.ประจำสำนักนายกฯ สั่ง สคบ.ตรวจสอบห้างเพชรทองของ “แม่ตั๊ก-กรกนก” แล้ว อาจเข้าข่ายโฆษณาอันเป็นเท็จ ตลอดทั้งวันมีลูกค้านำทองมาขายคืนเพียบทำถนนหทัยราษฎร์รถติดยาวเหยียด ขณะที่ สคบ.-ตำรวจ ขอตัวอย่างไปตรวจสอบว่าน้ำหนักตรงกับที่โฆษณาไว้หรือไม่ ด้าน ผกก.สน.ทองหล่อเผยหลังคู่กรณีไปออกรายการข่าวชื่อดัง มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความเพียงคนเดียว เตรียมส่งเรื่องให้ท้องที่เกิดเหตุ

จากกรณีผู้ใช้ TikTok รายหนึ่งออกมาโพสต์เรื่องราวที่ซื้อทองรูปพรรณทางช่องทางออนไลน์จาก “แม่ตั๊ก-กรกนก สุวรรณบุตร” เจ้าของธุรกิจอาหารเสริมและห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กทม. เป็นสร้อยพร้อมจี้ไอ้ไข่และมีของแถมเป็นดอกไม้ทองคำ แต่เมื่อนำไปขายที่ร้านทองอื่นปรากฏว่าทางร้านไม่รับซื้อเพราะไม่มีเปอร์เซ็นต์ทองรวมทั้งไม่มียี่ห้อ เชื่อว่าหากรับซื้อแล้วนำไปหลอมจะไม่เหลืออะไร ผู้ใช้ TikTok รายนี้ตัดสินใจนำเรื่องมาเตือนภัย ภายหลังคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ไปทำให้ลูกค้าจำนวนมากที่เคยซื้อทองรายการดังกล่าวไปจาก “แม่ตั๊ก-กรกนก” เพราะเข้าใจมาตลอดว่าถ้าเก็บไว้จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสามารถนำไปขายทำกำไรได้ ต่างทยอยนำทองที่ซื้อมาขายคืนให้กับห้างทองดังกล่าวจนเกิดเป็นกระแสดราม่านั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงเรื่องนี้ว่า มอบหมายให้เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ลงพื้นที่ตรวจสอบห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ ของแม่ตั๊ก-กรกนก ว่าดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สำหรับผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบสามารถร้องเรียนมาที่ สคบ. เพื่อที่จะดำเนินการตรวจสอบต่อไป กรณีดังกล่าวต้องตรวจสอบว่าเข้าข่ายการโฆษณาเป็นเท็จหรือไม่พร้อมตรวจสอบว่ามีฉลากควบคุมหรือไม่ ขณะเดียวกัน สคบ.จะเชิญผู้เกี่ยวข้องจาก TikTok เป็นเจ้าของแพลตฟอร์มที่แม่ตั๊ก-กรกนก ไลฟ์ขายของมาชี้แจงด้วย

ด้านนายเลิศศักดิ์ รักธรรม ผอ.กองคุ้มครองผู้บริโภคด้านสัญญา สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า เบื้องต้น สคบ.จะต้องตรวจสอบก่อนว่าผู้ขายทองดังกล่าวเป็นนิติบุคคลหรือไม่ หากเป็นนิติบุคคลจะต้องตรวจสอบต่อไปว่าได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนให้ขายสินค้าบนโซเชียลหรือไม่ หากไม่ได้รับอนุญาตถือว่ามีความผิด ทั้งนี้ สคบ.จะตรวจสอบด้วยว่าสินค้าดังกล่าวมีฉลากควบคุมด้วยหรือไม่ เพราะทองคำถือเป็นสินค้ามีฉลากควบคุม หากพบการกระทำความผิด จะต้องถูกลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยฉลาก อย่างไรก็ตาม หากตรวจสอบพบว่ามีการตั้งใจหลอกลวงผู้บริโภค สคบ.จะส่งตัวให้กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ดำเนินคดี

“ส่วนกรณีที่แม่ค้าที่เป็นข่าวได้บอกว่าจะคืนเงินให้กับผู้บริโภคแต่จะต้องนำสินค้าและของแถมมาคืนด้วยถึงจะคืนเงินให้ ในทางกฎหมายไม่จำเป็นต้องคืนของแถมด้วย เพราะเป็นของที่ให้เพิ่มเติมจากการซื้อขายสินค้า เมื่อผู้บริโภคมาขอคืนเงินผู้ประกอบธุรกิจจะต้องคืนเงินเต็มจำนวนให้กับผู้บริโภคโดยไม่มีข้อแม้” นายเลิศศักดิ์กล่าว

ส่วนบรรยากาศที่ห้างเพชรทองเคทูเอ็น ถนนหทัยราษฎร์ มีลูกค้านำทองมาขายคืนที่ร้านตลอดทั้งวัน ทำให้รถติดยาวเหยียด ตำรวจต้องมาอำนวยความสะดวกการจราจรและแจกบัตรคิวให้เพื่อลดความวุ่นวายจากอารมณ์ขุ่นมัวของลูกค้าที่ได้รับเงินน้อยกว่าที่คาดไว้มาก ทั้งนี้ทางร้านยังให้ลูกค้าที่นำทองมาขายคืนเซ็นเอกสารไม่ติดใจดำเนินคดีในภายหลังด้วย ต่อมาช่วงบ่ายมีเจ้าหน้าที่ สคบ.ร่วมกับตำรวจมาขอปี่เซียะทอง สร้อยทอง บางส่วนจากร้านไปให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจสอบว่าน้ำหนักทองตรงกับฉลากที่โฆษณาหรือไม่ ถ้าไม่ตรงกันจะถือว่ามีความผิด นอกจากนี้ยังมีทองบางส่วนที่จะได้มาจากผู้บริโภคด้วย คาดใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน

ขณะที่ พ.ต.อ.พันษา อมราพิทักษ์ ผกก.สน.ทองหล่อ กล่าวว่า หลังผู้เสียหายไปออกรายการโหนกระแส ทางช่อง 3 HD อยู่ในพื้นที่ของ สน.ทองหล่อ เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 23 ก.ย เดินทางเข้ามาแจ้งความไว้ พนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วที่เกิดเหตุไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของ สน.ทองหล่อ แต่เนื่องจากตามกฎหมายอำนาจการสอบสวนจะต้องเกิดขึ้นในพื้นที่เกิดเหตุ คือ 1.ตำแหน่งที่ทำการไลฟ์สด 2.ธนาคารสาขาที่ผู้เสียหายใช้ในการโอนเงิน และ 3.เงินที่ได้รับโอนนั้นไปยังธนาคารสาขาใด ถือเป็นอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบสวนในพื้นที่เกิดเหตุ อย่างไรก็ตามพนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ รับเรื่องไว้และจะพิจารณาส่งต่อไปยังพื้นที่เกี่ยวข้องต่อไป จนถึงขณะนี้ สน.ทองหล่อ รับเรื่องจากผู้เสียหายในกรณีนี้ไว้เพียงรายเดียวเท่านั้น

อ่าน “คอลัมน์หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ” ทั้งหมดที่นี่