เปิดสาเหตุ สาวใหญ่หัวร้อน ขับฟอร์จูนเนอร์ ไล่ชนรถจักรยานยนต์ 3 คัน หนีตายอลหม่าน ด้าน ตำรวจ เผย เตรียมแจ้งข้อหาทั้งสองฝ่าย
จากกรณี นางภิรญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 55 ปี คนขับรถยนต์ ยี่ห้อโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ สีดำ เกิดอาการสติแตกขับรถไล่ชนคนขับขี่รถจักรยานยนต์ทั้ง 3 ราย บริเวณหน้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ถนบ้านกล้วย-ไทรน้อย ต.พิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี จนกลายเป็นเหตุการณ์โกลาหลวุ่นวาย ก่อนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บางบัวทอง จะเข้าระงับเหตุได้ทัน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 14 มี.ค.2568 ที่ สภ.บางบัวทอง ผู้สื่อข่าวเดินทางเข้าตรวจสอบสภาพรถฟอร์จูนเนอร์ของนางภิรญา ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการอายัดไว้ตรวจสอบอยู่ด้านหน้าโรงพัก พบว่ากระจกประตูหลังข้างขวาแตก
เปิดสาเหตุ สาวใหญ่หัวร้อน ขับฟอร์จูนเนอร์ ไล่ชนรถจักรยานยนต์ 3 คัน หนีตายอลหม่าน ด้าน ตำรวจ เผย เตรียมแจ้งข้อหาทั้งสองฝ่าย
ภายในเบาะผู้โดยสารมีเศษกระจกแตกจำนวนมาก ที่กันชนหลังมีรอบถลอก ยางหลังแบน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานให้เข้าตรวจสภาพรถฟอร์จูนเนอร์คันดังกล่าวอีกครั้ง
พ.ต.อ.พฤฒ จำรูญศาสน์ ผกก.สภ.บางบัวทอง กล่าวว่า จากการสอบปากคำเบื้องต้นทราบว่า สาเหตุเกิดจากการที่คนขับขี่รถจักรยานยนต์ขับมาตามถนนในซอย ซึ่งรถฟอร์จูนเนอร์ขับตามหลังมา แต่มาติดรถจักรยานยนต์คันหน้าที่ขับช้าจึงได้บีบแตรใส่
อ่านข่าว : สาวใหญ่ขับฟอร์จูนเนอร์ ไล่ชนจยย. ตร.มายังไม่ยอมหยุด จนต้องยิงสกัด
แต่รถจักรยานยนต์ไม่หลบจึงได้บีบแตรซ้ำ ๆ ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดความโมโห กลายเป็นการโต้เถียง ก่อนจะบานปลายกลายเป็นเหตุชุลมุน ซึ่งคนขับขี่รถจักรยานยนต์ได้ร่วมกันทุบกระจกรถฟอร์จูนเนอร์จนแตกเสียหาย ทำให้เกิดภาพปรากฏตามคลิป ส่วนคนขับรถฟอร์จูนเนอร์ได้รับบาดเจ็บที่ข้อมือ ต้องเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวต่อว่า วันนี้ได้ประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นนทบุรี เข้าตรวจสอบสภาพรถ และจะเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยเบื้องต้นจากเหตุการณ์นี้คนขับรถฟอร์จูนเนอร์เข้าข่ายความผิดในข้อหา ขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัย จึงจำเป็นต้องอายัดรถฟอร์จูนเนอร์ไว้ตรวจสอบ
พ.ต.อ.พฤฒ กล่าวด้วยว่า ส่วนผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์กับพวก ก็มีความผิดเข้าข่ายร่วมกันทำให้เสียทรัพย์ ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดำเนินคดีทั้งสองฝ่ายกับความผิดที่ปรากฏ… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_9673267?