บ้านเพื่อคนไทย จองยังไง เกณฑ์รายได้ พื้นที่บ้าน ทุกข้อมูลเช็กที่นี่

บ้านเพื่อคนไทย เปิดจอง 20 ม.ค. 2568 เช็กข้อมูล เผย 4 พื้นที่นำร่อง บางซื่อ กม.11 เชียงราก เชียงใหม่ ธนบุรี เกณฑ์รายได้ไม่เกิน 5 หมื่นบาท/เดือน

นับถอยหลังสู่การเปิดจองซื้อ “บ้านเพื่อคนไทย” โครงการที่รัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ตั้งใจพัฒนาขึ้นเพื่อช่วยให้ประชาชนมีที่อยู่อาศัยคุณภาพดี ในราคาจับต้องได้ ล่าสุดกระทรวงคมนาคม ภายใต้การกำกับดูแลของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ย้ำชัดว่า จะเปิดให้จองสิทธิพร้อมกันทั่วประเทศผ่านทางเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th ในวันที่ 20 มกราคม 2568 นี้

เงื่อนไข บ้านเพื่อคนไทย พรรคเพื่อไทย

นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เปิดเผยว่า ในวันที่ 17 มกราคม 2568 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและเยี่ยมชม “บ้านตัวอย่าง” ของโครงการบ้านเพื่อคนไทย ซึ่งจัดแสดงอยู่ที่ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ) หลังจากนั้นจะเดินหน้าเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนจองสิทธิได้ในวันที่ 20 มกราคม ผ่านเว็บไซต์ทางการ www.บ้านเพื่อคนไทย.th หรือที่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งจะเปิดให้บริการอำนวยความสะดวกแก่ผู้สนใจ ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์

คุณสมบัติผู้มีสิทธิซื้อบ้านเพื่อไทยคน รายได้ต้องไม่เกินเท่านี้

โครงการบ้านเพื่อคนไทย ตั้งหลักเกณฑ์รายได้ผู้ที่ยื่นขอสิทธิไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน ควบคู่ไปกับเงื่อนไขพื้นฐาน เช่น ต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย บรรลุนิติภาวะ ณ วันลงทะเบียน ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน และไม่เคยได้สิทธิในโครงการบ้านเพื่อคนไทยมาก่อน

ขั้นตอนคือ เมื่อผู้สนใจเข้าไปจองสิทธิผ่านเว็บไซต์ ธอส. จะทำการตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศผล Pre-approve หากผ่าน จะสามารถยื่นเอกสารจองสิทธิอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่กระบวนการจับสลากรับสิทธิซื้อบ้านหรือคอนโดมิเนียมในโครงการต่อไป

เงื่อนไขสำคัญ ที่ผู้ยื่นขอสิทธิจำเป็นต้องทราบ ได้แก่

  • 1 ท่านจองได้เพียง 1 หน่วย ต่อ 1 โครงการเท่านั้น
  • ห้ามโอนสิทธิภายใน 5 ปี นับจากวันจดทะเบียน
  • ห้ามนำสิทธิหรือที่อยู่อาศัยในโครงการให้ผู้อื่นใช้ประโยชน์เพื่อแลกเปลี่ยนค่าตอบแทน
  • หากตรวจพบว่าไม่เข้าเกณฑ์หรือขาดคุณสมบัติ โครงการขอสงวนสิทธิในการบอกเลิกสัญญา
  • รายได้ต้องไม่เกินกว่า 50,000 บาทต่อเดือน หากตรวจพบว่าเกิน เกณฑ์อาจถูกยกเลิกสิทธิ
4 พื้นที่นำร่อง บางซื่อ กม.11 เชียงราก เชียงใหม่ ธนบุรี
4 พื้นที่นำร่อง บางซื่อ กม.11 เชียงราก เชียงใหม่ ธนบุรี
4 พื้นที่นำร่อง: บางซื่อ – ธนบุรี – เชียงรากน้อย – เชียงใหม่

ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) โครงการบ้านเพื่อคนไทยมีการพัฒนานำร่องใน 4 ทำเล ดังนี้

  • พื้นที่บางซื่อ กม.11
  • ติดสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (บางซื่อ)
  • ใกล้ระบบขนส่งมวลชนหลายเส้นทาง และใกล้สำนักงานใหญ่ ปตท.
  • จะพัฒนาเป็นอาคารคอนโดมิเนียมขนาด 8 ชั้น ช่วงแรก ก่อนขยายไปถึง 45 ชั้นเพื่อให้ราคาต่อหน่วยถูกลง พร้อมบ้านเดี่ยว 1 ชั้น ขนาด 50 ตารางเมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา
  • พื้นที่สถานีธนบุรี
  • ใกล้โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์
  • เชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน
  • มีศักยภาพด้านการเดินทางเหมาะกับประชาชนในย่านฝั่งธนบุรี
  • พื้นที่สถานีเชียงรากน้อย
  • ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
  • เชื่อมต่อรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง เส้นทางรถไฟสายเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ
  • พื้นที่สถานีเชียงใหม่
  • ตั้งอยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ศูนย์กลางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวภาคเหนือ
  • พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียม และที่พักอาศัยรูปแบบอื่นตามความเหมาะสม

เบื้องต้น มีการเผยว่าคอนโดมิเนียมในโครงการจะมีขนาดตั้งแต่ 30-51 ตารางเมตร ส่วนบ้านเดี่ยวมีขนาด 50 ตารางเมตร บนที่ดิน 50 ตารางวา สำหรับราคาผ่อนชำระและรูปแบบโฉนดที่ดิน ยังต้องรอสรุปรายละเอียดจากธนาคารอาคารสงเคราะห์และกระทรวงการคลังเพิ่มเติมขนาดบ้านเพื่อคนไทย 50 ตารางเมตร

ขนาดบ้านเพื่อคนไทย 50 ตารางเมตร
จับตาเสียงเตือนจากเอกชน อสังหาฯ เหลือขายเพียบ

แม้รัฐบาลเดินหน้าผลักดันโครงการบ้านเพื่อคนไทยอย่างจริงจัง แต่ นายโสภณ พรโชคชัย ประธานศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ได้ออกมาเตือนถึงประเด็นที่รัฐบาลควรพิจารณาอย่างรอบคอบ 3 ข้อหลัก คือ

  • ปัจจุบันมีที่อยู่อาศัยเหลือขายอยู่ในตลาดจำนวนมาก โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาทต่อหน่วยก็มีเหลือขายกว่าแสนหน่วย
  • อาจเกิดประเด็นค่าเช่าที่ดินรัฐถูกจนเกินไป ส่งผลให้การรถไฟฯ ได้รับความเสียหาย
  • อาจก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชนในภาพรวม
ศูนย์ข้อมูลอสังหาฯ เผยต่างชาติยังครองตลาดคอนโด

อีกหนึ่งข้อมูลที่น่าสนใจจาก ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ระบุว่า ยอดการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดของชาวต่างชาติทั่วประเทศในช่วง 9 เดือนแรกปี 2567 มีจำนวน 11,036 หน่วย มูลค่า 51,458 ล้านบาท ลดลง 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่ในไตรมาส 3 ปีเดียวกันกลับโอนเพิ่มขึ้น 11.6%

  • ชาวจีนยังคงครองแชมป์ในการซื้อคอนโดในไทย
  • ชาวเมียนมาซื้อเพิ่มขึ้นสูงถึง 202.6% จากปีก่อน
  • ชาวอินเดียเป็นผู้มีกำลังซื้อราคาสูงที่สุด เฉลี่ย 6.3 ล้านบาทต่อหน่วย พร้อมขนาดห้องใหญ่สุดที่ 76.5 ตร.ม.

อย่างไรก็ดี การที่โครงการบ้านเพื่อคนไทยเน้นกลุ่มผู้มีรายได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อเดือน จึงน่าจะเจาะตรงกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างออกไปจากตลาดต่างชาติ

ไทม์ไลน์โครงการบ้านเพื่อคนไทย
  • 17 ม.ค. 2568: นายกฯ ตรวจบ้านตัวอย่าง ณ สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
  • 20 ม.ค. 2568: เปิดให้จองโครงการผ่านทางเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th และ ธอส.
  • ก.พ. 2568: เริ่มก่อสร้างโครงการนำร่อง
  • ธ.ค. 2568: เริ่มโอนโครงการนำร่องบางส่วน (154 หน่วย)
  • มิ.ย. 2569: เริ่มโอนโครงการนำร่องเพิ่มเติม (4,256 หน่วย)
  • ธ.ค. 2569: เริ่มโอนโครงการรอบใหญ่ (56,000 หน่วย)
  • ภายในปี 2570: โอนโครงการอีก 39,590 หน่วย

รัฐบาลมุ่งหมายให้โครงการนี้ช่วยแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับประชาชนที่มีรายได้จำกัด และยังไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยมาก่อน ภายใต้แนวคิดใช้ประโยชน์ที่ดินรัฐให้คุ้มค่า ตอบโจทย์ทั้งด้านการเดินทาง ราคาที่เอื้อมถึง ท่ามกลางกระแสความต้องการที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่และอุปทานที่มีอยู่ในตลาด

ผู้สนใจจึงควรติดตามเงื่อนไขและรายละเอียดการสมัครอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะขั้นตอนการพิจารณาสิทธิ เพื่อให้มั่นใจว่าได้ปฏิบัติตามเกณฑ์อย่างถูกต้องครบถ้วน เพื่อเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของบ้านหลังแรกในโครงการบ้านเพื่อคนไทยได้สมความตั้งใจ.