ส่งกำลังใจ “วรวุฒิ อุ่นใจ” ผู้ก่อตั้ง ออฟฟิตเมท เล่าประสบการณ์เฉียดตาย หมดสติขณะปั่นจักรยานเนื่องจากออกกำลังกายมากเกินไป เอฟเฟคระยะยาวรุนแรงมาก
วานนี้ (6 ม.ค.) นายวรวุฒิ อุ่นใจ หรือ “หมู” ผู้ก่อตั้งบริษัท ออฟฟิศเมท จำกัด (มหาชน) โพสต์เฟซบุ๊กเล่าประสบการณ์เฉียดตายเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมาเพื่อเป็นอุทาหรณ์ว่าประสบอุบัติเหตุวูบหมดสติขณะปั่นจักรยาน เนื่องจากออกกำลังกายมาก-นานเกินไป ทั้งที่ระหว่างปั่นก็ดื่มน้ำตลอดและปั่นต่อเนื่องเพียง 2 ชั่วโมงกว่าเท่านั้น โดยมีแพทย์สันนิษฐานว่าอาจหมดสติเพราะใช้น้ำตาลในร่างกายหมด จนไม่พอไปเลี้ยงสมอง
ด้านผลกระทบทางร่างกายคือตนต้องนอนโรงพยาบาลอยู่ 4 คืนเนื่องจากกะโหลกหน้าแตก ฟันหัก 3 ซี่ กรามหัก และต้องเย็บเพดานปากด้านในอีก 16 เข็ม แถมยังกินได้แค่อาหารเหลวผ่านหลอดดูดราวหนึ่งเดือนครึ่ง เพราะต้องยึดฟันบนกับล่างให้ติดกันด้วยลวดเหล็กจนพูดไม่ถนัดอ้าปากไม่ได้จนถึงวันนี้ ทำให้ต้องงดงานบรรยายและนัดหมายอื่น ๆ ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยตนคาดว่าช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้น่าจะหายดีแล้ว
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ตนจึงอยากให้ทุกคนรับทราบไว้ว่าคนที่อายุมาก (ส่วนตัวอายุ 60 ปี) เวลาออกกำลังกายต้องระมัดระวัง อย่าคิดว่าร่างกายเราจะแข็งแรงเหมือนตอนอายุยังน้อย อย่างเคสตนคือใจไปเกินสังขาร เนื่องจากตอนออกกำลังกายรู้สึกสนุกและคิดว่าไหว ส่วนหนึ่งเพราะขาดความรู้ คิดเพียงว่าเรายังไหว-ไม่ได้ขาดน้ำ แต่สำหรับคนที่ปั่นจักรยานนาน ๆ และไกลจะต้องมีน้ำหวานหรือเกลือแร่จิบเป็นระยะเพื่อไม่ให้ร่างกายขาดสองสิ่งนี้นานจนเกินไประหว่างออกกำลังกาย
บทเรียนครั้งนี้ทำให้ต้องระมัดระวังให้มากหากจะกลับมาออกกำลังกายอีกครั้ง เพราะเจ็บหนักรอบนี้ต้องพักรักษาตัวนานกว่า 2 เดือน โชคดีที่ไม่ได้เป็นอะไรไปมากกว่านี้ ซึ่งตอนนี้ร่างกายก็ดีขึ้นมาแล้ว อาทิตย์หน้าคงทานอาหารได้ปกติ ไม่ต้องคอยดูด ensure แบบที่ผ่านมา
นอกจากนี้ท่านใดที่ติดต่อมาในช่วง 2 เดือนก่อนหน้านี้ ตนต้องขออภัยที่ไม่สามารถพบปะและการบรรยายที่ต้องงดไปด้วย 2-3 งานเพราะอุบัติเหตุดังกล่าว
ทั้งนี้ใต้โพสต์ดังกล่าวนอกจากชาวเน็ตจะคอมเมนต์ให้กำลังใจแล้วนั้น “วรวุฒิ” ได้ระบุข้อมูลเพิ่มเติมว่าก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้น ตนไม่พบสัญญาณเตือน เช่น ไม่แน่นหน้าอก ชีพจรเต้นปกติ ไม่เหนื่อย ความดันดี ฯลฯ จู่ ๆ ก็วูบหมดสติไป แถมตอนนี้ฟันที่หักยังต้องไปทำฟันปลอมซ่อมแซมในภายหลังอีกด้วย
“ขอให้กลับมาแข็งแรงและหายไวๆนะคะ”
“ขอให้แข็งแรงเหมือนเดิมครับ”
“หายไวๆครับ เพิ่งทราบข่าวเหมือนกัน”
“ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ครับพี่ ขอให้หายไวๆนะครับ”
