ครูอนุบาลถักผมให้เด็ก ทำแม่ปรี๊ดแตก ลากลูกสาวไปห้อง ผอ. ร้องไล่ครูออก

พ่อแม่ที่มีลูกในวัยเรียน มักอยากให้ครูให้ความสนใจและดูแลลูกของตนอย่างดี แต่บางคนอาจไม่รู้ว่า ความชำนาญในการสื่อสารและการปฏิบัติตัวของผู้ปกครองและครู เป็นพื้นฐานสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างครูกับนักเรียน

คุณแม่คนหนึ่งจากประเทศจีน ได้แชร์เรื่องราวของลูกสาววัย 5 ขวบ ที่เรียนอยู่ในโรงเรียนอนุบาลท้องถิ่น เนื่องจากเป็นเด็กที่หน้าตาน่ารัก จึงได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกทีมเต้นแสดงในงานโรงเรียน

ครูอนุบาลถักผมให้เด็ก ทำแม่ปรี๊ดแตก ลากลูกสาวไปห้อง ผอ. ร้องไล่ครูออกในวันงานแสดงคุณแม่ไปถึงตั้งแต่เช้า และไปที่ด้านหลังเวทีที่เด็กๆ กำลังได้รับการเตรียมตัวเรื่องเสื้อผ้าและทรงผมจากครูทันทีที่เห็นแม่เข้ามา ลูกสาวก็วิ่งมาหาและไม่หยุดบ่นเกี่ยวกับความรู้สึกไม่สบายจากทรงผมที่ครูทำให้ เนื่องจากการถักเปียและใช้ยางรัดที่แน่นเกินไป ทำให้รู้สึกตึงที่หนังศีรษะอย่างมาก จึงร้องขอให้แม่ช่วย

ในขณะนั้น คุณแม่จึงได้พูดคุยกับครูเพื่อแจ้งให้ทราบถึงปัญหานี้ โดยเธอหวังว่าครูจะช่วยถอดเปียที่รัดแน่นออก และทำทรงผมใหม่ให้ลูกสาว แต่ครูกลับเห็นว่าเวลาไม่พอและไม่เหมาะสมที่จะทำทรงผมใหม่ให้กับเด็กๆ นอกจากนี้เด็กทุกคนก็ถูกทำทรงผมเหมือนกันหมด แต่ไม่มีใครบ่น มีเพียงลูกสาวของเธอเท่านั้นที่ร้องโวยวายออกมาครูอนุบาลถักผมให้เด็ก ทำแม่ปรี๊ดแตก ลากลูกสาวไปห้อง ผอ. ร้องไล่ครูออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอรู้สึกไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป จึงตะโกนใส่หน้าครูว่า คุณอยากให้ลูกสาวฉันหัวล้านหรือไง หลังจากนั้น เธอจึงลากลูกสาวไปที่ห้องของผู้อำนวยการโรงเรียน เพื่อร้องเรียนและขอให้ไล่ครูคนนี้ออก เพราะครูไม่มีความรู้สึกถึงความไม่สบายตัวและความเจ็บปวดของนักเรียน หลังจากนั้นครูคนดังกล่าวจึงได้รับการตำหนิและตักเตือน แต่คุณแม่ก็ตัดสินใจย้ายโรงเรียนให้ลูกสาวทันที

เมื่อเรื่องราวถูกเผยแพร่ลงโลกออนไลน์ นอกจากคำชมที่หลายคนมอบให้กับการกระทำที่เด็ดขาดของคุณแม่คนนี้ ในการปกป้องลูกสาวของตนเองแล้ว ก็ยังมีไม่น้อยที่วิพากษ์วิจารณ์วิธีการปฏิบัติของคุณแม่ต่อครูของลูก เนื่องจากดู “รุนแรงเกินไป” โดยบางคนมองว่าเธอควรจะมีความใจเย็นมากกว่านี้ แทนที่จะโกรธจัดและตะโกนใส่ครูครูอนุบาลถักผมให้เด็ก ทำแม่ปรี๊ดแตก ลากลูกสาวไปห้อง ผอ. ร้องไล่ครูออกบางคนแนะนำด้วยว่า แทนที่จะรีบไปบอกผู้อำนวยการโรงเรียน คุณแม่ควรจะคุยกับครูอย่างสุภาพและใจเย็นมากกว่า เพราะจริงๆ แล้วครูคนนี้ต้องดูแลเด็กๆ หลายคนในห้องเรียน จึงอาจเกิดข้อผิดพลาดได้บ้าง ในสถานการณ์นี้ ถ้าใจเย็นลงและพยายามเจรจากับครูอย่างรอบคอบ เธอก็อาจจะเป็นคนช่วยจัดการทำทรงผมให้ลูกสาวเอง เนื่องจากครูไม่สามารถทำได้ทันเวลา