อาจารย์ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ขอยุติการแถลงข่าวคดีทนายตั้ม” มั่นใจสังคมเข้าใจคดีแล้ว หลังขึ้น “โหนกระแส” แฉแหลก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ศาล หันโฟกัสงานวิจัยสมุนไพร การแพทย์แผนตะวันออก พร้อมลุยปัญหา MOU ไทย-กัมพูชา
หลังจากที่ อาจารย์ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้ให้สัมภาษณ์ใน รายการโหนกระแส เมื่อวันพุธที่ 13 พ.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับคดีของทนายตั้ม ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ย. 67) อาจารย์ปานเทพ ได้โพสต์บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ขอยุติการแถลงข่าวคดีทนายตั้ม
อาจารย์ปานเทพเชื่อว่าสังคมเข้าใจคดีมากขึ้นแล้ว หลังให้สัมภาษณ์ “โหนกระแส” และสื่อต่าง ๆ มั่นใจว่าข้อมูล ข้อเท็จจริง กระจ่างแก่สังคม จากนี้ ให้เป็นการต่อสู้ของทนายความฝั่งโจทก์และจำเลย
หันไปโฟกัสงานวิจัย ทุ่มเทให้กับงานวิจัยและพัฒนาสมุนไพร การแพทย์แผนไทย จีน อินเดีย และการแพทย์ทางเลือก ที่วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต
นอกจากนี้จะขอลุยปัญหา MOU 2544 เตรียมนำเสนอทางออกเรื่องข้อพิพาท พื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีป ไทย-กัมพูชา ที่ธรรมศาสตร์ 24 พ.ย. นี้
“ขอยุติการแถลงข่าวคดีทนายตั้ม เรียนพี่น้องสื่อมวลชนที่เคารพ ในช่วงเวลาที่ผ่านมาประมาณ 3 สัปดาห์ ที่ผมได้มาทำหน้าที่สื่อมวลชนในการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการร้องทุกข์ของพี่อ้อยในการดำเนินคดีฉ้อโกง และคดีฟอกเงินกับทนายตั้มและพวก จนกระทั่งมีกระบวนการการดำเนินคดี ออกหมายจับ คัดค้านการประกันตัว และอายัดทรัพย์แล้ว
และเมื่อวานนี้วันที่ 13 พฤศจิกายน 2567 ผมได้ให้สัมภาษณ์ในรายการโหนกระแสทางช่อง 3 รวมทั้งการให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมกับสื่อมวลชนอื่นๆ จนผมเชื่อว่าผู้ชมส่วนใหญ่และสื่อมวลชนได้เข้าใจเรื่องราวทุกอย่างมากขึ้นแล้วในขณะนี้
ดังนั้นการทำหน้าที่ของผมในฐานะสื่อมวลชนคนหนึ่งที่รับข้อมูลการร้องทุกข์ของพี่อ้อยได้เสร็จสิ้นตามสมควรแล้ว โดยหลังจากนี้ก็จะเป็นเรื่องของทนายทั้ง 2 ฝ่าย คือโจทก์และจำเลยที่จะต้องต่อสู้กันตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป
ผมจึงขอยุติการแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีนี้ เพราะจะไปทำหน้าที่อื่นๆในงานสำคัญในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ในด้านงานวิจัยและพัฒนาเรื่องสมุนไพร รวมทั้งการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนจีน การแพทย์อายุรเวทอินเดีย การแพทย์ทางเลือก การแพทย์บูรณาการ อันเป็นภารกิจที่สำคัญยิ่งของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
และอีกเรื่องหนึ่งคือที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติในเรื่องทรัพยากรทางทะเลในอ่าวไทย คือผมกำลังเตรียมการนำเสนอทางออกเรื่องบันทึกความเข้าใจในพื้นที่อ้างสิทธิไหล่ทวีป ของไทย-กัมพูชา ในปี 2544 หรือ MOU 2544 ที่หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2567 นี้
แต่ทุกท่านยังคงติดตามผลงานของผมได้ในฐานะสื่อมวลชนได้ ทั้งบทความ และการจัดรายการข่าวสารทั่วไปในเว็บไซต์ผู้จัดการและสถานีโทรทัศน์ News1 เป็นปกตินะครับ
ขอขอบพระคุณพี่น้องสื่อมวลชนและพี่น้องประชาชนทุกท่านที่ให้การสนับสนุนและติดตามในช่วงเวลาที่ผ่านมา และมอบความสำเร็จความคืบหน้าในคดีของทนายตั้มทั้งหมดให้เป็นผลงานของพี่น้องสื่อมวลชนทุกท่าน เจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงขอขอบพระคุณกำลังใจจากพี่น้องประชาชนทุกท่านอย่างล้นหลามมา ณ โอกาสนี้
ด้วยจิตคารวะ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 14 พฤศจิกายน 2567″
สรุป 8 ข้อ “อ.ปานเทพ” แฉ “ทนายตั้ม” หลอก “พี่อ้อย”
1. เงิน 71 ล้าน ไม่ใช่ให้โดยเสน่หาหรือเงินกู้
- แชทไลน์เผย “ทนายตั้ม” ชวน “พี่อ้อย” ลงทุนแอปฯ หวย แต่ไม่มีสัญญากู้ยืมหรือหลักฐานการลงทุน
2. สัญญาแอปฯ หวย ยืนยัน “พี่อ้อย” เป็นเจ้าของ
- สัญญาระบุ “พี่อ้อย” จ้างทำแอปฯ 2 ล้านยูโร แก้ไขโดยสำนักงานทนายความษิทรา ย้ำ “พี่อ้อย” ไม่ได้ยกเลิกสัญญา
3. “ทนายตั้ม” ซื้อบ้าน 43 ล้าน ด้วยเงินสด หลังได้เงิน “พี่อ้อย”
- เปลี่ยนสัญญาจากผ่อนเป็นเงินสด หลังได้เงิน 2 ล้านยูโร
4. พยายามฟอกเงิน 71 ล้าน ผ่านบริษัทแอปฯ
- “ทนายตั้ม” เสนอแบ่งจ่าย 3 ครั้ง พร้อมค่าตอบแทน 10 ล้าน แต่บริษัทฯ ปฏิเสธ
5. สร้างแอปฯ หวย “นาคี” หลอก “พี่อ้อย”
- “ทนายตั้ม” สร้างแอปฯ ก๊อปปี้ หลอกให้ “พี่อ้อย” แต่บริษัทฯ ไม่ยอมร่วมมือ
6. ภรรยา “ทนายตั้ม” รู้เห็นเรื่องเงิน 71 ล้าน
- ตำรวจมีหลักฐานแชทไลน์ และข้อมูลการใช้โทรศัพท์ ยืนยันภรรยาร่วมขบวนการ
7. โกงเงินค่าออกแบบโรงแรม 9 ล้าน
- “ทนายตั้ม” เปลี่ยนบริษัทออกแบบ และเก็บเงินส่วนต่างไว้เอง
8. ปลอมใบเสร็จซื้อรถเบนซ์ โกง 1.5 ล้าน
- ออกใบเสร็จ 2 ใบ ราคาต่างกัน หลอก “พี่อ้อย” โอนเงิน