คาโรลินา โอลส์สัน (Karolina Olsson) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “ผู้หลับใหลแห่งอ็อกโน” (Soverskan på Oknö) เป็นสตรีชาวสวีเดนผู้ถูกบันทึกว่าอยู่ในภาวะหลับใหลยาวนานถึง 32 ปี ตั้งแต่ปีค.ศ. 1876 จนถึงปีค.ศ. 1908 เหตุการณ์นี้ถูกกล่าวขานว่าเป็นหนึ่งในกรณีการนอนหลับยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ที่มีการบันทึกไว้ และสร้างความประหลาดใจให้แก่ทั้งแพทย์ นักข่าว และผู้คนทั่วไป
โอลส์สัน เกิดเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม ค.ศ. 1861 ในเมืองอ็อกโน เธอเป็นลูกสาวคนที่สองในบรรดาพี่น้องห้าคน ซึ่งที่เหลือทั้งหมดเป็นผู้ชาย ชีวิตของเธอดำเนินไปตามปกติจนกระทั่งวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1876 ตอนอายุ 14 ปี โอลส์สัน ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะจากการเล่นกลางแจ้ง แม้จะดูเหมือนหายดีในตอนแรก แต่ไม่กี่วันต่อมาเธอบ่นปวดฟันและถูกสั่งให้นอนพัก หลังจากนั้นเธอก็ไม่ตื่นขึ้นมาอีก
ด้วยฐานะครอบครัวยากจน พ่อของเธอที่มีอาชีพประมงไม่สามารถพาไปพบแพทย์ได้ทันที ครอบครัวจึงพึ่งคำแนะนำจากเพื่อนบ้านและพยาบาลผดุงครรภ์ โอลส์สัน ถูกบังคับให้ดื่มนมผสมน้ำตาลเพื่อประทังชีวิต แม้ภายหลังจะมีแพทย์เข้ามาตรวจ แต่ไม่มีใครสามารถปลุกเธอได้ และบางรายยืนยันว่าเธออยู่ในภาวะโคม่า มีการบันทึกว่าในบางครั้งเธอขยับลุกขึ้นนั่งและพึมพำคำสวดมนต์ที่เคยท่องตั้งแต่ยังเด็ก
หนึ่งในแพทย์ที่เข้ามาศึกษาอาการของเธอคือ โยฮัน เอมิล อัล์มบลัดห์ (Johan Emil Almbladh) ซึ่งเชื่อว่า โอลส์สัน อาจมีอาการฮิสทีเรีย ในปี ค.ศ. 1892 เธอถูกส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลใน Oskarshamn และได้รับการทดลองรักษาด้วยไฟฟ้าช็อก แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ โรงพยาบาลจึงวินิจฉัยว่าเธอป่วยเป็น “dementia paralytica” อย่างไรก็ตาม หลักฐานกลับไม่เพียงพอที่จะยืนยันว่าเธอเป็นโรคนี้จริง
ตลอดช่วงเวลาที่หลับใหล โอลส์สัน ได้รับนมวันละเพียงสองแก้วเพื่อเลี้ยงชีพ แม่ของเธอเสียชีวิตในปี 1904 และหน้าที่ดูแลตกเป็นของสาวใช้ในบ้าน ต่อมาเมื่อพี่ชายเสียชีวิตในปี 1907 รายงานระบุว่า โอลส์สัน ถึงกับร้องไห้โฮ ทั้งที่ยังอยู่ในสภาพคล้ายโคม่า เรื่องราวเหล่านี้ยิ่งทำให้ผู้คนตั้งคำถามต่อสภาพของเธอมากขึ้น
กระทั่งวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1908 โอลส์สัน ตื่นขึ้นหลังการหลับใหลนานกว่า 32 ปี โดยสาวใช้พบว่าเธอลุกขึ้นยืนและร้องไห้ เมื่อครอบครัวมาพบ เธอกลับจำพี่ชายที่ยังมีชีวิตไม่ได้ ร่างกายของเธอผอมแห้ง ซีด และแพ้แสงอย่างรุนแรงในช่วงแรก แต่ยังสามารถอ่าน เขียน และจดจำสิ่งที่เคยเรียนรู้ก่อนหลับไปได้ เรื่องราวของเธอกลายเป็นข่าวใหญ่ ดึงดูดนักข่าวจากทั้งยุโรปและอเมริกา
แม้การตื่นขึ้นของเธอจะสร้างความฮือฮา แต่ก็มีข้อกังขาตามมา บางคนตั้งข้อสงสัยว่าแท้จริงแล้ว โอลส์สัน อาจไม่ได้หลับตลอด 32 ปี เนื่องจากผมและเล็บของเธอไม่ยาวขึ้นตามธรรมชาติ อีกทั้งมีรายงานในภายหลังว่าเธอตื่นขึ้นเป็นระยะๆ โดยแสดงอารมณ์เศร้าโศกหรือโกรธเคือง
ในปีค.ศ. 1910 จิตแพทย์ ดร. โฟรเดสทรอม ได้ตรวจสอบอาการของเธอ และตีพิมพ์บทความในปี 1912 โดยเสนอว่า โอลส์สัน อาจเชื่อว่าตนป่วยหนัก จึงปิดตาและปฏิเสธการกินอาหารเพื่อเรียกร้องความเห็นอกเห็นใจ บางทฤษฎีชี้ว่าแม่ของเธออาจมีส่วนช่วยปกปิดความจริงเกี่ยวกับอาการที่แท้จริง
คาโรลินา โอลส์สัน ใช้ชีวิตต่อมาอย่างเงียบสงบ และเสียชีวิตในวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1950 ด้วยวัย 88 ปี สาเหตุการเสียชีวิตคือภาวะเลือดออกในกะโหลก เรื่องราวของเธอยังคงถูกกล่าวถึงในฐานะหนึ่งในปริศนาทางการแพทย์และจิตวิทยาที่ไม่สามารถหาคำตอบได้จนถึงปัจจุบัน