หัวมัน 1 ชนิด กลายเป็น “ไม้ตายต้านมะเร็ง” ในไทยมีอยู่ทั่วไป แค่เดินไปตลาดก็เจอ

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นพบว่า หัวพืชชนิดนี้ไม่เพียงแต่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ แต่ยังมีฤทธิ์ต้านมะเร็ง เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในยุคที่ชีวิตเร่งรีบ การกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพกลายเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสำคัญ หนึ่งในอาหารธรรมดาแต่ทรงพลัง คือ “มันเทศ” แม้รูปลักษณ์จะไม่สะดุดตา แต่กลับถูกขนานนามว่าเป็น “ไม้ตายต้านมะเร็ง”

งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ระบุว่า มันเทศไม่เพียงแต่อุดมไปด้วยสารอาหาร แต่ยังมีคุณสมบัติในการต้านมะเร็ง เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้มันเทศจะดูไม่น่าดึงดูดภายนอก ด้วยเปลือกที่ขรุขระและรูปร่างไม่สม่ำเสมอ แต่ภายใต้รูปลักษณ์เรียบง่ายนั้นกลับอัดแน่นไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่น่าทึ่ง มันเทศอุดมด้วยเบตาแคโรทีน วิตามินซี โพแทสเซียม ใยอาหาร และสารอาหารอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

โดยเฉพาะเบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลัง ช่วยกำจัดอนุมูลอิสระในร่างกาย ลดความเสียหายของเซลล์ และลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรรพคุณในการต้านมะเร็งถือเป็นหนึ่งในจุดเด่นที่สุดของมันเทศ

งานวิจัยหลายชิ้นพบว่า สารพิเศษในมันเทศสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้ โดยศูนย์วิจัยมะเร็งแห่งชาติญี่ปุ่นรายงานว่า สารต้านอนุมูลอิสระในมันเทศมีฤทธิ์ยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อย่างชัดเจน ซึ่งหนึ่งในสารสำคัญคือ แอนโทไซยานิน ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “ดาวเด่น” เพราะมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระสูงกว่า วิตามินซีถึง 20 เท่า และสูงกว่าวิตามินอี ถึง 50 เท่า

สารออกฤทธิ์เหล่านี้ทำงานผ่านหลายกลไก เช่น ป้องกันการกระตุ้นของสารก่อมะเร็ง เสริมการซ่อมแซม DNA และกระตุ้นให้เซลล์มะเร็งตายอย่างเป็นธรรมชาติ

iStockphoto

ตามผลการศึกษาในวารสาร Journal of Agricultural and Food Chemistry ปี 2007 แสดงให้เห็นว่า แอนโทไซยานินในมันเทศสีม่วงมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และยับยั้งการเพิ่มจำนวนของเซลล์ผิดปกติ ซึ่งช่วยชะลอการลุกลามของเนื้องอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ไม่ใช่แค่มันเทศสีม่วงเท่านั้น แต่มันเทศสีเหลืองและสีส้มก็มีเบตาแคโรทีนสูงเช่นกัน และถือเป็น “อาวุธลับ” ที่ช่วยต้านมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ เบตาแคโรทีนเป็นสารตั้งต้นของวิตามินเอ ซึ่งมีบทบาทในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระที่ทำลาย DNA

งานวิจัยของสถาบันมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) ในปี 1996 พบว่า ผู้ที่บริโภคอาหารที่อุดมด้วยเบตาแคโรทีนเป็นประจำ มีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปอด มะเร็งกระเพาะอาหาร และมะเร็งโพรงหลังจมูกน้อยกว่ากลุ่มอื่นอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ตาม ควรเข้าใจว่ามันเทศไม่ใช่ “ยารักษามะเร็ง” แต่ควรเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอาหารที่มีประโยชน์และอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ การรับประทานมันเทศร่วมกับผักผลไม้หลากหลายชนิด รักษาสุขภาพให้สมดุล ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ และเข้ารับการคัดกรองมะเร็งแต่เนิ่น ๆ จึงจะเป็นแนวทางที่ช่วยดูแลสุขภาพได้อย่างครบถ้วน

สรรพคุณอื่น ๆ ของมันเทศ

มันเทศยังมีบทบาทสำคัญในการปกป้องระบบย่อยอาหารอย่างโดดเด่น

ใยอาหารในมันเทศช่วยให้ระบบย่อยทำงานได้ดีขึ้น ลดระยะเวลาที่สารพิษสัมผัสกับเยื่อบุลำไส้ จึงช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก

จากงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition and Cancer ปี 2012 พบว่า การรับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูงจากผักและพืชหัว โดยเฉพาะมันเทศ สามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งระบบทางเดินอาหารได้มากถึง 30%

Marcelo Verfe

มันเทศมีสรรพคุณต้านการอักเสบ

อีกหนึ่งประโยชน์ที่หลายคนอาจมองข้าม คือ ความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและลดภาวะอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทางอ้อมที่เกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งหลายชนิด มันเทศ โดยเฉพาะพันธุ์ที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ ช่วยรักษาระดับอินซูลินให้คงที่ จึงลดการอักเสบทั่วร่างกาย ซึ่งเป็นพื้นฐานของการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ผู้ป่วยเบาหวานมักหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแป้งสูง แต่มันเทศถือเป็นข้อยกเว้น แม้จะมีคาร์โบไฮเดรต แต่ก็มีค่าดัชนีน้ำตาลค่อนข้างต่ำ และอุดมด้วยใยอาหาร ซึ่งช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่ แน่นอนว่าผู้ป่วยเบาหวานยังคงต้องควบคุมปริมาณการบริโภค แต่การกินมันเทศในปริมาณที่เหมาะสมจะไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดผันผวนมากนัก

ประโยชน์ของมันเทศต่อสุขภาพหัวใจก็ไม่ควรมองข้าม

มันเทศอุดมไปด้วยโพแทสเซียม ซึ่งช่วยควบคุมความดันโลหิต ลดความเสี่ยงของโรคความดันสูงและโรคหัวใจ นอกจากนี้ ใยอาหารในมันเทศยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด และลดโอกาสเกิดภาวะหลอดเลือดแข็งตัว สำหรับผู้สูงอายุหรือวัยกลางคน มันเทศถือเป็นอาหารที่เหมาะอย่างยิ่งในการดูแลสุขภาพหัวใจ

แต่อย่างไรก็ตาม แม้มันเทศจะมีประโยชน์มาก แต่ก็ไม่ควรรับประทานมากเกินไป เพราะอาจทำให้เกิดอาการไม่สบาย เช่น ท้องอืด หรือกรดไหลย้อนได้ นักโภชนาการแนะนำว่า การกินมันเทศวันละประมาณ 100–200 กรัม พร้อมกับรับประทานอาหารให้หลากหลายและสมดุล จะช่วยให้ได้รับประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างเหมาะสมที่สุด