จากกรณีมีกระแสข่าวเรื่องราวคนในวงการบันเทิงเข้าไปเกี่ยวข้องนั่งแท่นเป็นบอสบริษัทออนไลน์ดัง ซึ่งงานนี้ก็มีการเปิดรายชื่อออกมาหลายราย หนึ่งในนั้นคือ มิน – พีชญา วัฒนามนตรี หรือ บอสมิน ที่ นั่งแท่นตำแหน่ง CCO (Chief Communications Officer) ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กร ของ บริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป
เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม มิน พีชญา ดารานักแสดงชื่อดัง พร้อมด้วย เอส อนุสิทธิ์ ถึงสุข ผู้จัดการส่วนตัว
ทนายชูชาติ กันภัย และ ทนายนงลักษณ์ แตงเจริญ แถลงข่าวเปิดใจกระแสดราม่าดังกล่าว
โดย มิน กล่าวว่ารู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น พร้อมย้ำว่าตัวเองเป็นเพียง ผู้รับจ้างพีอาร์ หรือประชาสัมพันธ์ ในสัญญาจะระบุว่า ตำแหน่งผู้บริหารจัดการฝ่ายสื่อสารตลาดออนไลน์ คือ สื่อสารองค์กร ซึ่งจะรับเงินเป็นรายเดือนตามปริมาณงานที่ทำมากน้อย ส่วนคำว่า “บอส” พนักงานเรียกเพื่อให้เกียรติ ไม่ได้ถือหุ้นหรือร่วมหาลูกค้าแต่อย่างใด
มิน ยังเล่าย้อนไปถึงตอนที่ตัดสินใจร่วมงานกับ ดิไอคอนกรุ๊ป ว่า ไม่ได้เอะใจเลย เพราะบริษัทเปิดมาได้ 6 ปี มินเพิ่งเข้ามาได้ปีเดียว ก่อนหน้านี้ บริษัทไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย ได้รับการันตีจาก สคบ.ด้วย ตัวมินในฐานะคนธรรมดา จะไปตรวจสอบอะไรได้ขนาดนั้น มินพยายามตรวจสอบมากที่สุด ตนตรวจสอบแม้กระทั่งการเสียภาษีว่าจ่ายถูกต้องหรือไม่ มินอยู่วงการมา 20 กว่าปี ไม่เคยมีความเสียหายเรื่องการรับพรีเซนเตอร์
มีมาตรฐานการรับงาน ไม่เคยรับงานสินเทา หรือมีความเสี่ยงมากแต่นิดเดียว บ้านมินมีธุรกิจเกี่ยวกับห้างร้านวัสดุก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และเงินที่ได้จากบริษัทดิไอคอน คือ เงินที่ได้ระดับการจ้างพรีเซนเตอร์ทั่วไป ไม่ได้เงินเป็น 100 ล้านอย่างที่เขาพูด
“วันนี้ ตัวมินเองมีทางเลือก ไม่ได้ถูกบีบมาทำอะไรสีเทา หรือทำอะไรที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพื่อที่จะให้มีเงิน เพราะที่มินมีธุรกิจรองรับอยู่แล้ว” มินกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ใครเป็นผู้ชักชวน มิน กล่าวว่า ผู้จัดการตนได้รับการติดต่อจากบริษัท ให้มาเป็นพรีเซนเตอร์เซรั่มตัวหนึ่ง ในรอบแรก ผู้จัดการเข้าไปคุยกับบริษัทคนเดียว ครั้งที่ 2 เขาสนใจ และอยากเจอตัวมิน มินก็เขาไปเจอตัว เมื่อประมาณต้นปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่มินเจอ “คุณพอล” ซึ่งคุณพอล บิดว่า “พี่อยากให้มินเป็นมากกว่าพรีเซนเตอร์ พี่อยากให้มินมีส่วนในการเป็นพีอาร์ของบริษัท” ซึ่งตัวมินไม่ได้ด่วนตัดสินใจแต่อย่างใด เพราะปกติ จะรับงานพรีเซนเตอร์ และมินไม่เข้าใจ ที่อยู่ๆ จะมาเป็นพีอาร์ของบริษัท
ตัวมินเอาไปทบทวนหลายเดือน และระหว่างนั้นก็ลองผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปด้วย 2-3 เดือน ระหว่างนั้น พี่พอลโทรตามเรื่อยๆ ซึ่งมินตอบกลับไปว่า ไม่เข้าใจการเป็นพีอาร์คืออะไร ตนไม่รู้สึกจะรีบปิดงานแต่อย่างใด หลังจากนั้น 3 เดือน ผู้จัดการมิน ก็โทรมาถามวาจะเอายังไง เพราะการมาเป็นพรีเซนเตอร์ในหมวดสินค้าทั้งหมด สโคปงานแบบนี้ ตนไม่แน่ใจว่าจะทำยังไง สุดท้ายก็ตกลงว่า ลองดูสัก 1 ปี
“หลังจากนั้น ตัดสินใจร่วมงานในฐานะผู้ถูกจ้างคนหนึ่งของบริษัท ย้ำอีกครั้ง มินไม่ได้มีหุ้นส่วน ไม่ได้ลงทุนกับบริษัทดิไอคอน แต่อย่างใด เป็นแค่ลูกจ้างเท่านั้น ไม่มีเงินโบนัส ไม่มีเงินพิเศษแต่อย่างใด”
ส่วนข้อมูลที่พูดในเวที มิน กล่าวว่า ได้รับข้อมูลจากบริษัทซึ่งเป็นมุมดีหมดเลย ซึ่ง ณ วันนั้น มินเชื่อทั้งหมดว่าบริษัทนี้ และ ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด จะสามารถช่วยให้คนที่ดีขึ้นได้ และมินลองใช้จริงทั้งหมด ครอบครัวก็รับประทาน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งดีที่ให้ไป จนวันนี้ที่ได้ยินเรื่อง ก็ตกใจมาก
“ที่ผ่านมามีข้อมูลและสคริปต์ที่เขาให้มา มินพูดด้วยความจริงใจ และเชื่อว่ามันถูกต้อง ณ วันนั้น มินพูดด้วยความรู้สึก และความจริง กับทุกคนจริงๆ ในวันนั้น ส่วนข้อเสนอที่บริษัทให้ ไม่ได้เป็นหลาย10 ล้านบาท เป็น 100 ล้านบาท อย่างที่ใครพูดกัน ทั้งนี้ การันตีด้วยกฎหมายได้เลยว่า จะได้รับค่าตัวเท่ากับค่าตัวพรีเซนเตอร์ปกติทั่วไป”
มิน กล่าวว่า เท่าที่มินได้รับแจ้ง บริษัทเห็นว่ามินเล่นติ๊กต๊อกได้ดี จะให้ไปสอนเล่นติ๊กต๊อก ซึ่งมินบอกว่า วันนี้ได้รับเชิญมาสอนเรื่องติ๊กต๊อก มินก็แชร์ตรงนั้น บอกว่าเล่นยังไงแค่นั้น
“วันนี้ เมื่อเกิดเหตุขึ้น มินเสียใจเป็นอย่างมาก จะยุติสัญญากับ ดิไอคอนกรุ๊ป ที่มีต่อกันทั้งหมด ณ วันนี้ แม้ยังไม่มีการตรวจสอบ ว่าถูกหรือผิด แต่มินขอเลือกข้างประชาชน เลือกความยุติธรรม และความถูกต้อง หลังจากนี้มินจะไม่หนีไปไหน มินจะรวบรวมพยานและหลักฐาน ในการเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม รวบรวมหลักฐานให้พนักงานสอบสวน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า การเป็นพรีเซนเตอร์ และการเป็นผู้อำนวยการ ได้รับส่วนแบ่งการตลาดหรือไม่ ผู้จัดการส่วนตัว กล่าวว่า กล่าวว่า โดยองค์รวมแล้วได้เท่าค่าตัวพรีเซนเตอร์ ทั้งนี้ไม่มีค่าคอมมิชชัน