รวบ “น้ำหนึ่ง” เซียนนักต้มตุ๋น สวมชุดขาวเข้าไปมั่วในสภา แสบประวัติคดีเป็นหางว่าว

สืบนครบาล รวบ “น้ำหนึ่ง” เซียนนักต้มตุ๋น สวมชุดขาวเข้าไปมั่วในสภา ถ่ายรูปตีสนิท ส.ส.-ส.ว. อ้างเฉยลองใส่ ชุดขาวยืมเพื่อนมา แสบประวัติคดียาวเป็นหางว่าว

วันที่ 6 ต.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. สั่งการพล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วรพจน์ รุ่งกระจ่าง รอง ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.จักราวุธ คล้ายนิล ผกก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น.

พ.ต.ท.มาโนชย์ ทองแก้ว รอง ผกก.กก.สส.บก.น.5 , พ.ต.ต.ธัญพีรสิษฐ์ จุลพิภพ สว.กก.สส.3 บก.สส.บช.น. , พ.ต.ต.วศิน อินทร์แก้ว สว.ฝอ.บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ บก.สส.บช.น. ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุม น.ส.สุวดี (สงวนนามสกุล) หรือ “น้ำหนึ่ง” อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลแขวงดุสิตที่ จ.174/2567 ลงวันที่ 27 ก.ย. 67
ข้อหา “ไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบ เครื่องหมายยศของเจ้าพนักงาน แต่งเครื่องแบบและเครื่องหมายยศเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ” ตรวจยึดของกลาง ชุดปกติขาวพร้อมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ 1 ชุด เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า รัฐสภา 1 ชุด เสื้อคลุมสีดำ ปักคำว่า สำนักนายกรัฐมนตรี 1 ชุดบัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง 1 ใบ รถยนต์โตโยต้า แคมรี่สีเทา 1 คัน ใช้ซุกซ่อนของกลางและนำไปจอดแอบ จับกุมได้ที่ห้องพักแห่งหนึ่งย่านลาดกระบังเมื่อวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมา

พบประวัติคดีอาญา 14 คดี ข้อหาฉ้อโกง

  • วันที่ 13 พ.ค. 53 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์ จ.เชียงใหม่ เหตุจากที่ผู้ต้องหา หลอกลวงจ่ายเช็คเงินสดให้กับผู้เสียหาย
  • วันที่ 2 มี.ค. 57 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.บางโพงพาง เหตุจากที่ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าทำรับเหมาก่อสร้าง ผู้เสียหายจึงจ่ายเงินให้ 80,000 บาท เป็นค่าตกแต่งอาคารแต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ
  • วันที่ 15 พ.ค. 60 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.บางชัน เหตุจากที่ผู้ต้องหาหลอกลวงว่าทำรับเหมาก่อสร้าง หลอกลวงให้ผู้เสียหายจ่ายเงินเป็นค่าแบบก่อสร้างให้ 30,000 บาท แต่กลับหนีหาย
  • วันที่ 19 ธ.ค. 60 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.ประตูน้ำจุฬา จ.ปทุมธานี เหตุจากที่ผู้ต้องหาหลอกลวงผู้เสียหายว่าจะรับเหมาทำหลังคาบ้านให้ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึงโอนเงินให้ผู้ต้องหา 40,000 บาท
  • วันที่ 13 มี.ค. 61 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ทองหล่อ เหตุจากผู้ต้องหาแอบอ้างเป็นหลานอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ชักชวนผู้เสียหายลงทุนเปิดร้านกาแฟในมหาวิทยาลัย
  • วันที่ 13 มี.ค. 61 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ทองหล่อ เหตุจากผู้ต้องหาแอบอ้างเป็นหลานอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน ชักชวนผู้เสียหายลงทุนเปิดร้านขายโทรศัพท์มือถือ โดยอ้างว่านักศึกษาส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์ที่จำวัดภายในมหาวิทยาลัยทำความเสียหายรวม 744,000 บาท
  • วันที่ 4 ก.ค. 61 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี วันที่ 4 ก.ค. 61 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองจันทบุรี จ.จันทบุรี
  • วันที่ 25 ก.ย. 61 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ กก.2 บก.ป. เหตุจากที่ผู้ต้องหาแอบอ้างเป็นเจ้าของบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ชักชวนผู้เสียหายให้ร่วมลงทุนเล่นหุ้น แล้วจะคืนเงินปันผลให้ทุกๆเดือน โดยผู้เสียหายโอนเงินไปให้หลายครั้ง รวมความเสียหายทั้งหมด 7,600,000 บาท
  • วันที่ 13 พ.ค. 62 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เหตุจากที่ผู้ต้องหาแอบอ้างหลอกลวงพระสงฆ์ในวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน จ.ชัยภูมิ
  • วันที่ 11 ก.ค. 64 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พื้นที่ สน.ประชาชื่น เหตุจากที่ผู้ต้องหาแอบอ้างว่าเป็นคณะทำงานของ อดีตนายกรัฐมนตรี หลอกลวงผู้เสียหายว่าจะให้เข้ามาทำงานที่สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปให้ผู้ต้องหากว่า 570,000 บาท
  • วันที่ 12 พ.ค. 66 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ฉ้อโกง” พื้นที่ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช เหตุจากที่ผู้ต้องหาแอบอ้างว่าตนเองเป็นเลขาส่วนตัวของ อดีตนายกรัฐมนตรี ชักชวนให้ผู้เสียหายลงทุนโครงการ “บัตรลุงตู่พลัส” จนผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินไปให้ผู้ต้องหากว่า 1,700,000 บาท
  • วันที่ 27 ส.ค. 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกง” พื้นที่ สน.บางโพ เหตุจากที่ผู้ต้องหาแอบอ้างว่าตนเองเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และยังอ้างว่าเป็นคณะทำงานของอดีตนายกรัฐมนตรี โดยหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงินรวมความเสียหาย 14,000 บาท โดยอ้างว่าจะสามารถได้รับตำแหน่งผู้ช่วย สว. ได้ ซึ่งต่อมาผู้เสียหายได้ตรวจสอบชื่อของผู้ต้องหาแล้วไม่พบว่าเป็น สว.
  • วันที่ 27 ก.ย. 67 ถูกดำเนินคดีข้อหา “ไม่มีสิทธิสวมเครื่องแบบ เครื่องหมายยศของเจ้าพนักงาน แต่งเครื่องแบบและเครื่องหมายยศเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ” พื้นที่ สน.บางโพ เหตุจากที่ผู้ต้องหาปลอมตัว แต่งกายชุดปกติขาวและสวมเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เข้าไปเดินมั่วอยู่ในอาคารรัฐสภา ทำทีไปขอถ่ายภาพร่วมกับผู้มีตำแหน่งทางการเมืองหลายๆคน ซึ่งต่อมาได้ตรวจสอบพบว่าผู้ต้องหาไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ใดๆ

สืบเนื่องจาก “น้ำหนึ่ง” เซียนนักต้มตุ๋น มาเหนือเมฆ สวมชุดขาวติดเครื่องราชฯ เข้าไปเดินมั่ว“ในรัฐสภา” ตระเวนแอบอ้างต้มตุ๋นเหล่า สว. และ สส. หลายท่าน พบประวัติก่อเหตุฉ้อโกงมา 14 คดี จากการสืบค้นในระบบข้อมูลพบว่าคดีที่เธอก่อเหตุมา

เส้นทางนักต้มตุ๋นของเธอเมื่อก่อนเริ่มจากการฉ้อโกงเล็กๆน้อยๆ โดยทำตัวเป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ตระเวนรับเงินค่าจ้างแล้วเบี้ยว หลายรายเป็นเวลาเกือบ 10 ปี จนห้วงปี 60 เริ่มหลอกลวงรูปแบบใหม่คือ “การแอบอ้าง” เธอเริ่มอ้างเป็นคนสนิทอธิการบดีมหาวิทยาลัยชื่อดังย่านปทุมวัน หลอกลงทุนหุ้น ลงทุนเปิดร้านค้าในมหาวิทยาลัย

จนเมื่อเข้าสู่ห้วงปี 64 เริ่มแอบอ้างเป็นคนสนิทระดับ “นายกรัฐมนตรี” หลอกลวงจะวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่งในสำนักนายกรัฐมนตรี หลอกจะวิ่งเต้นให้เป็นผู้ช่วย สว. จนถึงหลอกลวงลงทุน “บัตรลุงตู่พลัส” จนล่าสุด สวมชุดขาวติดเครื่องราชฯ เดินเข้ามาป้วนเปี้ยนในรัฐสภาในทุกสมัยการเปิดประชุมสภา จนกระทั่งมีสมาชิกวุฒิสภาท่านหนึ่งกล่าวในที่ประชุมเพื่อหารือเรื่องของมิจฉาชีพรายนี้กลางสภา ในการประชุมวุฒิสภาครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 67

โดยกล่าวถึงมิจฉาชีพรายนี้ว่าแอบแฝงเข้ามาในรัฐสภา ทำการตีสนิทกับ สว. และ สส. ชื่อดังหลายท่าน ก่อนที่มิจฉาชีพรายนี้จะทำการแอบอ้างถึงบุคคลสำคัญเช่นตนเองเคยทำงานร่วมกับ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี , อ้างว่าตนเองเป็นลูกบุญธรรมของภรรยาของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา , อ้างว่าตนเป็นญาติกับภรรยาของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล , อ้างว่าตนเป็นคนสนิทของ นายเนวิน ชิดชอบ โดยมักทำพฤติกรรมทำทีโทรศัพท์โชว์ให้ผู้อื่นหลงเชื่อ

ล่าสุดทำพฤติกรรมแต่งชุดขาวพร้อมติดเครื่องราชฯ ทั้งที่ไม่ได้มีตำแหน่งหน้าที่ใดๆ เข้ามามั่วถ่ายรูปคู่กับหลายๆคนภายในรัฐสภา โดยอ้างว่าตนเป็นราชการสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งต่อมาตรวจสอบจนไปทราบว่าเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ จึงเสนอให้มีการสอบสวนเป็นวาระเร่งด่วน โดยตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ของรัฐสภาต้องติดประกาศห้ามเธอเข้าพื้นที่

ต่อมาถูกพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ออกหมายจับ และเมื่อเรื่องแดงขึ้นที่สภาเธอไหวตัวหลบหนีเข้ากลีบเมฆไป พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.วิเคราะห์พฤติกรรมแล้วเป็นภัยต่อสังคม เร่งสั่งการ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดไล่ล่าติดตามตัวทันที

โดยระหว่างที่ชุดสารวัตรแจ๊ะได้ล่าติดตามพบว่าคนร้ายได้หลบหนีไปอยู่กับ “หมอดูชื่อดัง” ตระเวนเช่าห้องพักรายวันอยู่ในละแวก ถ.ลาดกระบัง โดยจะเปลี่ยนที่พักทุกๆวันไม่ให้ซ้ำ เพื่อป้องกันการติดตามของเจ้าหน้าที่

กระทั่งวันที่ 5 ต.ค. 67 ชุดสืบสวนพบคนร้ายกำลังย้ายที่พักจึงทำการจับกุมตัวไว้ทันที ซึ่งหลังการจับกุมชุดสืบสวนได้ขยายผลตรวจค้นพบ ชุดข้าราชการ (ชุดขาว) ติดเครื่องราชฯ , เสื้อคลุมตราสำนักนายกรัฐมนตรี , เสื้อคลุมตรารัฐสภา , บัตรตัวแทนพรรคการเมืองชื่อดัง ซุกซ่อนอยู่ในรถยนต์เช่า โดยไปจอดแอบไว้อยู่ภายในโรงแรมแห่งหนึ่งย่านอ่อนนุช

จากการตรวจสอบโทรศัพท์พบภาพถ่ายคู่กับนักการเมืองชื่อดังหลายท่าน มีภาพถ่ายการสวมชุดข้าราชการ (ชุดขาว) หลายภาพ และจากการสอบถามบุคคลในพื้นที่ละแวกที่คนร้ายหลบหนีไปกบดาลนั้นได้ข้อมูลว่า คนร้ายมักแอบอ้างว่าตนเองมีตำแหน่งทางการเมือง ลักษณะอวดกับพนักงานหลายๆแห่งในพื้นที่

ในชั้นจับกุม น.ส.สุวดี หรือ “น้ำหนึ่ง” ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ทางคดีตนเองได้นำเครื่องแบบของเพื่อนมาสวม โดยที่ปรากฏภาพที่ไปถ่ายชุดขาวกับคนอื่นๆในรัฐสภา เป็นเพราะวันนั้นตนเองลองสวมดูเฉยๆ ตั้งใจจะไปถ่ายภาพเพื่อนำไปสมัครเป็น สส.

โดยต้นเหตุที่ตนโดนคดีมาจากการถูกกลั่นแกล้วจาก สว. ท่านหนึ่งที่มีปัญหากับตนเพราะเข้าใจว่าตนเป็นสาเหตุให้ สว. ท่านนั้นเลิกกับภรรยา จึงเดินหน้าหาเรื่องตน ส่วนที่บอกว่าตนเองสนิทสนมกับ พล.อ.ประยุทธ นั้นเพราะตนเคยช่วยหาเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ และได้ถ่ายภาพคู่กับ พล.อ.ประยุทธฯ หลายครั้งแต่ไม่ทราบว่า พล.อ.ประยุทธ จะรู้จักตนเองหรือไม่

ยืนยันว่าไม่เคยไปทำอะไรเสียหายๆให้กับ สว. และ สส. ในสภา แต่คดีฉ้อโกงที่เกิดขึ้นนั้นส่วนใหญ่จบไปแล้ว เพราะตนนำเงินไปคืนให้กับผู้เสียหาย แต่ยังมีคดีที่อยู่บนศาลคือที่ไปหลอกลวงลงทุน “บัตรลุงตู่พลัส” ความเสียหาย 1,700,000 บาท ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 3 ปี ตอนนี้อยู่ระหว่างการสู้ชั้นอุทรณ์ยืนยันว่าตนเองไม่เคยไปแอบอ้างไปอวดเบ่งผู้ใด แต่ถ้ามีคนบอกว่าตนเองเคยไปแอบอ้างตนยินดีไปพูดคุยกับทุกคน

พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะจากพฤติกรรมที่ได้ข้อมูลประวัติคดี ข้อมูลจากการสืบสวนค่อนข้างมีทิศทางตรงข้ามกับคำให้การของผู้ต้องหา จากประวัติต้องคดีของผู้ต้องหารายนี้นับว่าก่อคดีมามาก ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นคดีในข้อหา ฉ้อโกง

แต่จากพฤติการณ์แล้วจะเห็นว่าผู้ต้องหานั้นไม่ได้ประกอบอาชีพใดๆ มีพฤติกรรมเข้าไปในสภาถือว่าผู้ต้องหาล่ าสุดถูกออกหมายจับในเรื่องของการสวมเครื่องแบบและเครื่องราชฯ ซึ่งในทางคดีนั้นพยานหลักฐานและยังพบว่ามีการกระทำเช่นนี้หลายครั้ง

ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียด ขอประชาสัมพันธ์เพื่อประโยชน์ต่อสาธารณะชน ผู้ใดเคยถูกผู้ต้องหารายนี้ซึ่งใช้ชื่อว่า น้ำหนึ่ง หลอกลวงไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม สามารถแจ้งเบาะแสมาได้ที่เพจ สืบนครบาล IDMB เราจะมีการขยายผลให้ถึงที่สุด

แม้ว่าจะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น.หลังจับกุมขยายผลได้นำตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บางโพ ดำเนินคดีต่อไป