วันศุกร์ 13 อีกครั้ง วันที่หลายคนเชื่อว่าเป็น “วันอาถรรพ์” และ “วันโชคร้าย” ที่ไม่ควรทำสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการจัดงานมงคล เช่น งานแต่งงาน การเปิดกิจการ หรือการเซ็นสัญญาสำคัญ ความเชื่อนี้มีที่มาจากเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ศาสนาคริสต์ และกลายเป็นหนึ่งใน “ความเชื่อโบราณ” ที่ยังส่งอิทธิพลต่อความรู้สึกผู้คนทั่วโลก
ที่มาของความเชื่อ “ศุกร์ 13”
ศุกร์ 13 ถูกมองว่าเป็นวันที่ไม่เป็นมงคลเพราะมีจุดเริ่มต้นจากตำนานทางศาสนา ว่ากันว่ามีเหตุการณ์ พระกระยาหารมื้อสุดท้าย ที่มีพระเยซูและสาวก 12 คน ก่อนเกิดเหตุการณ์ตรึงกางเขนในวันศุกร์ นับเป็นครั้งแรกที่มีคนรวมตัวกัน 13 คนบนโต๊ะอาหาร ก่อนเกิดโศกนาฏกรรม
นอกจากนี้ หลายวัฒนธรรมยังเชื่อว่า เลข 13 เป็น “เลขอาถรรพ์” เพราะขัดกับเลข 12 ที่ถือเป็นเลขสมบูรณ์ เช่น 12 เดือน, 12 ราศี หรือ 12 ชั่วโมงบนหน้าปัดนาฬิกา
ศุกร์ 13 กับพฤติกรรมในสังคม
ทุกครั้งที่ตรงกับ วันศุกร์ 13 หลายคนจะเลี่ยงการทำกิจกรรมสำคัญ ไม่เดินทางไกล ไม่ซื้อบ้าน หรือไม่ออกรถใหม่ เพราะเกรงว่าจะเกิดเรื่องไม่ดี ธุรกิจบางแห่งมียอดขายลดลงในวันนี้ โรงแรมและอาคารสูงบางแห่งถึงขั้นเลี่ยงใช้ เลข 13 ด้วยการเปลี่ยนเป็น 12A หรือข้ามไปชั้น 14
แม้ในประเทศไทย ความเชื่อเรื่อง วันอาถรรพ์ และ เลขอาถรรพ์ จะต่างจากฝั่งตะวันตก แต่ “ศุกร์ 13” ก็ยังถูกพูดถึงเสมอ โดยเฉพาะในวงการบันเทิง ภาพยนตร์ และซีรีส์แนวสยองขวัญที่มักนำความเชื่อนี้มาใช้เป็นจุดขาย
ความจริง vs ความเชื่อ
แม้ ศุกร์ 13 จะถูกมองว่าเป็น “วันโชคร้าย” แต่ในความเป็นจริง ยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์หรือข้อมูลทางสถิติใด ๆ ที่พิสูจน์ได้ว่าวันนี้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงมากกว่าวันอื่น ๆ จึงเป็นเพียงความเชื่อและตำนานที่ถ่ายทอดกันต่อๆ มา
สำหรับใครที่รู้สึกไม่สบายใจใน “ศุกร์ 13” การหลีกเลี่ยงการทำสิ่งสำคัญ หรือพกเครื่องรางเสริมดวง ก็ถือเป็นอีกวิธีช่วยเพิ่มความสบายใจ เพราะบางครั้ง พลังบวก และ กำลังใจ ก็สำคัญไม่แพ้เรื่องโชคชะตา