สาววัย 20 ป่วยสโตรกสมองขาดเลือด แขนขาอ่อนแรง เหตุเพราะแฟนหนุ่ม “ดูดคอ” ระหว่างมีเซ็กซ์รุนแรงเกินไป
ในระหว่างที่คู่รักมีเพศสัมพันธ์กัน บางครั้งอารมณ์อาจพาไปจนควบคุมแรงไม่อยู่ ซึ่งแพทย์ศัลยกรรมรายหนึ่งได้เปิดเผยว่า เคยพบเคสหนึ่งที่หญิงสาววัย 20 กว่าปีถูกนำตัวส่งห้องฉุกเฉิน หลังจากมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มแล้วจู่ๆ ก็ร่างกายอ่อนแรง ทรุดลงกับพื้น และมีอาการแขนขาอีกข้างหนึ่งอ่อนแรง หลังจากวินิจฉัยแล้วพบว่า เธอมีอาการของ โรคหลอดเลือดสมองชนิดสมองขาดเลือด (Ischemic Stroke) โดยสาเหตุมาจากการที่แฟนหนุ่ม “ดูดคอ” รุนแรงเกินไปจนทำให้เกิดปัญหาขึ้น
แพทย์ศัลยกรรม “เฉิน หรงเจียน” ได้เล่าเรื่องราวนี้ในรายการ 醫師好辣 โดยระบุว่า หญิงสาวรายนี้ถูกนำตัวมาที่ห้องฉุกเฉินพร้อมบาดแผลที่ศีรษะ และมีอาการอ่อนแรงที่แขนขาข้างหนึ่ง เมื่อสอบถามแล้วจึงทราบว่าเธอเพิ่งมีเพศสัมพันธ์กับแฟนหนุ่ม และหลังจากแฟนได้ “ดูดคอ” เธออย่างแรง เธอก็ทรุดลงทันทีและศีรษะกระแทกพื้น ก่อนจะมีอาการแขนและขาข้างหนึ่งอ่อนแรง
หลังจากพูดคุยประเมินอาการแล้ว แพทย์สันนิษฐานว่าอาจเป็นภาวะหลอดเลือดสมอง เนื่องจากผู้ป่วยมีรูปร่างเล็ก และบริเวณที่ถูกดูดจนเป็นรอย อยู่ตรงตำแหน่งใกล้กับ “หลอดเลือดแดงที่คอ” (Carotid artery) พอดี จึงรีบแจ้งแผนกประสาทวิทยาให้มาตรวจเพิ่มเติม
ผลจากการสแกนสมองด้วย CT พบว่ามีสัญญาณของภาวะหลอดเลือดสมองขาดเลือด และเมื่อตรวจอัลตราซาวด์บริเวณหลอดเลือดคอก็พบว่ามีคราบไขมันหนาตัวในหลอดเลือด ซึ่งคาดว่าเกิดจากการที่แฟนหนุ่มดูดคอแรงเกินไปจนดูดเอาคราบไขมันเหล่านี้ให้หลุดออกมากลายเป็นลิ่มเลือด (Thrombus) เล็กๆ ที่ลอยไปอุดตันหลอดเลือดในสมอง จนเป็นเหตุให้เกิดภาวะหลอดเลือดสมองในที่สุด
แพทย์เฉิน หรงเจียน จึงเตือนว่า หากจะ “ดูดคอ” กันในระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ควรทำบริเวณใกล้หลอดเลือด เช่น คอด้านข้างที่มีหลอดเลือดใหญ่ เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุไม่คาดฝันที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
โดยทั่วไป รอยดูดคอเหล่านี้จะหายได้เองภายใน 3–5 วัน แต่ถ้าทำในจุดที่ไม่เหมาะสม เช่น บริเวณหลอดเลือดใหญ่ที่คอ อาจทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือด ซึ่งมีความเสี่ยงรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้