คดีสะเทือนขวัญ พ่ออำมหิตใช้ท่อโลหะตีลูกสาววัย 10 ขวบ จนเสียชีวิตภายในบ้าน หลักฐานชี้ เด็กหญิงเขียนจดหมายขอโทษพ่อ และแต่งนิทานถึงแม่เลี้ยง สุดท้ายปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เว็บไซต์ต่างประเทศรายงานข่าวสุดสะเทือนใจ‘ซาร่า ชารีฟ’ เด็กหญิงวัย 10 ปี ถูกพบเสียชีวิตที่บ้านของเธอในเมืองโวกิง เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม ปี 2566 พบแผลบาดเจ็บนับสิบแห่ง รวมถึงรอยกัด รอยไหม้จากเหล็ก และกระดูกหักกว่า 25 ชิ้น ซึ่งพ่อของเธอ ‘อูร์ฟาน ชารีฟ’ คนขับแท็กซี่ วัย 42 ปี, แม่เลี้ยง ‘เบนัช บาตูล’ วัย 30 ปี และ ‘ไฟซาล มาลิก’ นักศึกษาวัย 29 ปี ถูกกล่าวหาว่าทำร้ายเด็กหญิงจนเสียชีวิต
ตำรวจได้หลักฐานชิ้นสำคัญ คือ จดหมายและสมุดบันทึกสีแดงของซาร่า หลังจากพบศพของเธอในเตียงสองชั้น ในจดหมายฉบับหนึ่งเธอเขียนถึงพ่อและเม่เลี้ยง กล่าวคำขอโทษที่เป็นเด็กดื้อ พร้อมขอยกโทษให้เธอด้วย เธอรู้สึกเสียใจมากจริง ๆ
นอกจากนี้ยังพบข้อความวันเกิดที่ซาร่าเขียนให้พ่อว่า “ฉันรักพ่อมาก ๆ ขอบคุณที่ดูแลพวกเราในวันหยุดสุดสัปดาห์ และทำอาหารให้เรากิน ขอบคุณพ่อนะคะ จากซาร่า…ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่ดีที่สุดในเมือง เราจะส่งต่อความรักไปทั่วโลก”
อีกทั้งในสมุดบันทึกของเธอมีนิทานสั้นเกี่ยวกับราชินีชื่อ ‘เบนัช’ และเจ้าหญิงชื่อ ‘ซาร่า’ เธอบรรยายว่าเบนัชเป็นแม่ที่เอาใจใส่และรักลูกที่สุดในโลก รวมทั้งเขียนยกย่องว่า แม่ของเธอเป็นคนที่สวยและยังสาว ส่วนพ่อของฉันก็ออกไปทำงานหาเงิน เพื่อให้พวกเราได้กิน นอน และมีที่พักอาศัย
อย่างไรก็ตาม ไม่มีจดหมายใดที่เปิดเผยถึงการทารุณกรรมที่ซาร่าได้รับ จนนำไปสู่การเสียชีวิตของเธอในที่สุด
เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อูร์ฟาน พ่อของเด็กสาวให้การรับสารภาพว่า เขาตีเธอซ้ำแล้วซ้ำอีกด้วยไม้ตีคริกเก็ต ท่อโลหะ และโทรศัพท์มือถือ พร้อมทั้งบีบคอเธอจนขาดอากาศหายใจ แต่เขาปฏิเสธว่าไม่ได้ทำร้ายเธอจนเป็นรอยกัด รอยไฟไหม้ หรือใช้หมวกคลุมศีรษะที่ทำเองเพื่อลงโทษเธอ
คณะลูกขุนยังได้รับแจ้งว่า มีเด็กอีกคนที่เกี่ยวข้องกับอูร์ฟาน เคยได้รับบาดเจ็บจากแผลไหม้และรอยกัดในปี 2556 และ 2557 แม้ว่าชารีฟจะไม่ได้ถูกกล่าวหาโดยตรงว่าเป็นผู้ก่อเหตุ แต่บันทึกของตำรวจระบุรายละเอียดข้อกล่าวหาต่าง ๆ ต่ออูร์ฟาน โดย ‘โอลกา ชารีฟ’ อดีตภรรยาของเขา ซึ่งเป็นแม่ของซารา รวมทั้งอดีตแฟนสาวชาวโปแลนด์อีก 2 คน
ไม่เพียงเท่านั้น ในเดือนธันวาคม ปี 2550 อูร์ฟานถูกจับกุมในข้อหากักขัง ลักทรัพย์ ทำลายทรัพย์สิน และทำร้ายร่างกายสาววัย 18 ปี ในระหว่างการสอบปากคำของตำรวจ อูร์ฟานปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ต่อมาในเดือนมีนาคม ปี 2552 มีสาววัย 31 ปีกล่าวหาว่าถูกอูร์ฟานกักขัง เขาจึงถูกนำตัวไปสอบปากคำอีกครั้ง
ด้านแม่ของซาร่า หรืออดีตภรรยาของอูร์ฟาน เปิดเผยกับตำรวจว่าสามีของเธอใช้ความรุนแรงในบ้านมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่เขาอ้างว่าตัวเธอก็ทำร้ายเขาระหว่างที่ทะเลาะกัน จากนั้นเขาได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา
การพิจารณาคดีนี้ ผู้พิพากษา Cavanagh ได้บอกกับคณะลูกขุนว่า พวกเขาสามารถพิจารณาความผิดฐานฆาตกรรมโดยประมาทเป็นทางเลือก สำหรับจำเลยทั้งสามคนต่างปฏิเสธข้อกล่าวหาฆาตกรรมและทำให้ซาร่าเสียชีวิต ซึ่งการพิจารณาคดียังคงดำเนินต่อไป