แพทย์ไต้หวัน เตือนอย่ากิน “ปลาชนิดนี้” เสี่ยงมะเร็งโพรงจมูก 6 เท่า แต่ไทยยังกินกันอยู่!

อย่ากิน “ปลาชนิดนี้!” แพทย์ไต้หวันเตือน เสี่ยงเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกมากขึ้น 6 เท่า หากลุกลาม โอกาสรอดชีวิตต่ำสุดเพียง 6 เดือน

นายแพทย์โร่ว เป่ยเหริน รองผู้อำนวยการ และศาสตราจารย์ด้านโสต ศอ นาสิก ของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไต้หวัน กล่าวว่า แม้ว่า “ปลา” จะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ช่วยดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แต่ควรหลีกเลี่ยง “ปลาเค็ม” หรืออาหารหมักดองประเภทเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูก

มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นโรคมะเร็งที่อันตรายอย่างยิ่ง และหากมีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จะมีอัตราการรอดชีวิตต่ำสุดที่ประมาณ 6 เดือน สาเหตุหลักของโรคนี้มี 3 ประการ ได้แก่ พันธุกรรมการติดเชื้อไวรัส EB (Epstein-Barr virus) และการบริโภคอาหารหมักดอง หากในครอบครัวมีคนเคยเป็นโรคนี้ สมาชิกคนอื่นก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่วนไวรัส EB นั้นมีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ทำให้หลีกเลี่ยงได้ยาก

ดังนั้นแพทย์จึงเตือนว่า “หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็น ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง” พร้อมแนะนำว่า ผู้ที่กังวลว่าจะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ปลาเค็ม ผักดอง ซาไฉ่ หัวไชเท้าดอง และอาหารหมักอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเริ่มกินอาหารประเภทนี้ตั้งแต่วัยเด็ก ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากทารกหรือเด็กเล็กเริ่มกินอาหารเสริมที่มีอาหารหมักดองเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกเมื่อโตขึ้นจะมากกว่าคนอื่นถึง 7 เท่า

แพทย์โร่วอธิบายเพิ่มเติมว่า อาหารหมักดองมีสารไนไตรต์ (Nitrite) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย และหากผู้บริโภคมีพันธุกรรมที่อ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานไวรัส EB ได้ดี ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากขึ้น “แต่ถ้าเริ่มกินอาหารหมักดองในช่วงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งนี้จะน้อยลง”